นายไตรรงค์ บุตรากาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้าเอสเอ็มอี ธนาคารทหารไทย (TMB) คาดว่าการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีที่เป็นสินเชื่อใหม่ในปีนี้จะทำได้ราว 2 หมื่นล้านบาท โดยในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ธนาคารปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีใหม่ไปแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท หรือปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีเฉลี่ยเดือนละ 2 พันล้านบาท โดยแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่เหลือของปีนี้นั้นคาดว่าจะยังมีความต้องการใช้สินเชื่ออยู่บ้าง จากการประเมินแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย และเริ่มฟื้นตัวขึ้นชัดเจนในปี 60 จากการลงทุนของภาครัฐที่เป็นปัจจัยหนุนเศรษฐกิจไทย
ปัจจุบันพอร์ตสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารอยู่ที่กว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งมีจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อของธนาคารอยุ่ที่กว่า 1 แสนราย โดยสัดส่วนลูกค้าเอสเอ็มอีของพอร์ตสินเชื่อของธนาคาร แบ่งเป็น ลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่มียอดขายน้อยกว่า 100 ล้านบาท สัดส่วน 45% และลูกค้าเอสเอ็มอีขนาดกลางและใหญ่ที่มียอดขายมากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป สัดส่วน 55% ในส่วนของรายได้ค่าธรรมเนียมของเอสเอ็มอีในปีนี้ยังมั่นใจว่าทำได้เติบโต 15% แม้ว่าครึ่งปีจะเติบโตไม่ถึง 10%
ส่วนแนวโน้มหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดย NPL อาจจะทรงตัวถึงค่อย ๆ ทยอยปรับตัวลดลง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ประกอบกับธนาคารยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีอยู่พอสมควร โดยเฉพาะธุรกิจในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการเกษตรและยางพารา ซึ่งได้รับผลกระทบจากภาวะภัยแล้งในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ทำให้ธนาคารยังคงเข้มงวดต่อการปล่อยสินเชื่อในกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มดังกล่าว
ขณะที่วันนี้ธนาคารได้เปิดตัวสินเชื่อ "ทีเอ็มบี เอสเอ็มอี 3 เท่า พร้อมเพิ่ม"ซึ่งช่วยตอบสนองความต้องการของธุรกิจเอสเอ็มอีขนาดเล็กที่ต้องการเงินหมุนเวียนเพิ่ม โดยใช้หลักเกณฑ์ พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ 2558 ได้แก่ การใช้ลูกหนี้การค้า สต็อกสินค้า หรือเครื่องจักรมาจดทะเบียนเป็นหลักประกัน ทำให้ได้วงเงินสินเชื่อเพิ่มขึ้นทันที เมื่อรวมกับวงเงินสูงสุด 3 เท่าของมูลค่าหลักประกันเดิม จะทำให้เอสเอ็มอีขนาดเล็กได้รับโอกาสทางธุรกิจมากขึ้น
นอกจากนี้หากลูกค้าเดินบัญชีสม่ำเสมอกับธนาคารจะนำเสนอเงินทุนหมุนเวียนเพิ่มให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ตั้งเป้าขยายฐานลูกค้าให้ได้วงเงิน 3 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ โดยเงื่อนไขการขอสินเชื่อเอสเอ็มอีดังกล่าวจะต้องมียอดขายไม่เกิน 100 ล้านบาท และอายุของผู้กู้จะต้องอยู่ในช่วง 20-65 ปี โดยดำเนินการธุรกิจไม่น้อยกว่า 2 ปี ไม่มี NPL และการปรับโครงสร้างหนี่ รวมถึงไม่มีคดีความหรือล้มละลาย โดยธนาคารเปิดโอกาสให้ลูกค้าเก่าและใหม่สามารถขอสินเชื่อดังกล่าวได้เช่นกัน
“การปล่อยสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้ยอมรับว่าไม่ง่ายนัก เพราะภาวะเศรษฐกิจในปีนี้ก็ยังไม่มีการฟื้นตัวดีมาก แต่มองว่าช่วงที่เหลือของปีนี้ก็น่าจะเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นบ้างและต่อเนื่องไปถึงปีหน้า ซึ่งหากเศรษฐกิจดีขึ้นแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อก็มีโอกาสที่ดีขึ้นตาม และการใช้พ.ร.บ.หลักประกันทางธุรกิจ 2558 ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจนำสินทรัพย์มาค้ำประกัน เพื่อทำให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น"นายไตรรงค์ กล่าว