นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ยังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่เช้านี้อยู่ในแดนบวก เนื่องจากยังรับผลบวกจากผลประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่มีประเด็นเรื่องคงแผนขยายฐานเงินจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% และยังรับผลบวกจากผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่คงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน และยังมีการผ่อนปรนจำนวนครั้งในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในแต่ละปีในอนาคตด้วย จึงส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้า และเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง
ทั้งนี้ ตลาดบ้านเราจะเห็นได้ว่ามีเม็ดเงินทุนไหลเข้ามาที่หุ้นขนาดใหญ่ ประกอบกับมีสัญญาณการซื้อคืนของบรรดากองทุนด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,497-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 ถัดไป 1,520-1,525 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 ก.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,392.46 จุด เพิ่มขึ้น 98.76 จุด (+0.54%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,339.52 จุด เพิ่มขึ้น 44.34 จุด (+0.84%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,177.18 จุด เพิ่มขึ้น 14.06 จุด (+0.65%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 47.78 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 76.80 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 4.99 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 3.52 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 7.59 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 5.81 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.ย.59) 1,505.99 จุด เพิ่มขึ้น 18.82 จุด (+1.27%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,004.44 เมื่อวันที่ 22 ก.ย.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 ก.ย.59) ปิดที่ 46.32 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 98 เซนต์ หรือ 2.2%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.ย.59) ที่ 7.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.65/67 ทรงตัวหลังไร้ปัจจัยใหม่ มองกรอบวันนี้ 34.60-34.70
- ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.25-0.50% ส่งผลให้ค่าเงินบาทและเงินในภูมิภาคส่วนใหญ่ยังมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ไม่ได้รุนแรงมากนัก เนื่องจากผลการประชุมเป็นไปตามที่นักลงทุนส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ และในแถลงการณ์ของเฟดเริ่มแสดงความมั่นใจถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี 2559 นี้
- นายกสมาคมอาคารชุดไทย เปิดเผยว่า จากแผนพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ๆ ของภาครัฐจำนวนมากที่จะขยายไปหลายพื้นที่ชานเมือง จึงตั้งความหวังให้สำนักงานผังเมืองรวม กทม. เพิ่มอัตราส่วนการใช้ประโยชน์ในที่ดิน หรือเอฟเออาร์ ในหลายพื้นที่ 30-50% จากปัจจุบัน เพื่อให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินได้เต็มประสิทธิภาพ ลดปัญหาที่ดินแพง เพราะราคาที่ดินที่สูงขึ้นจากการที่มีรถไฟฟ้าผ่าน แต่มีข้อจำกัดเรื่องเอฟเออาร์ ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมปรับสูงขึ้น สะท้อนได้จากปัจจุบันคอนโดมิเนียม 1-2 ล้านบาท หลุดจากแนวรถไฟฟ้าไปแล้ว
- กระทรวงการคลังจะออกมาตรการทำประกันภัยอุบัติเหตุให้กับผู้ที่มาลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยจำนวน 8.3 ล้านราย หากเสียชีวิตจะได้เงิน 1 แสนบาท และหากบาดเจ็บหรือป่วยทำงานไม่ได้ จะได้ค่าชดเชยวันละ 300 บาท มาตรการดังกล่าวเพื่อช่วยให้ผู้มีรายได้น้อยมีความมั่นคงมากขึ้น คาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน พ.ย. 2559 นี้
- สมคิด" สั่ง ธอส.จัดให้คนไทยมีบ้าน เน้น 5 กลุ่มบ้านผู้สูงอายุ บ้านราชการ บ้านลูกกตัญญู ฉัตรชัยเตรียมเงิน 6 หมื่นล้านสนองนโยบาย พร้อมประสาน ร.ฟ.ท. การเคหะ ธนารักษ์ หาที่ดิน
- บอร์ด AOT เห็นชอบแผนพัฒนาสนามบินหาดใหญ่ 20 ปีวงเงินกว่า 1.5 หมื่นล้านบาท มั่นใจรองรับผู้โดยสารได้ถึง 10 ล้านคนต่อปีในอนาคต
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCB (ยูโอบี เคย์เฮียน) จากปัจจัยพื้นฐานของธนาคารที่ดี จึงคาดว่ารายได้ของธนาคารจะยังเติบโตขึ้นจากการลงทุนของภาครัฐและเอกชนในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ในสถานการณ์ที่สภาวะเศรษฐกิจอ่อนตัวลงคุณภาพทรัพย์สินที่ส่งสัญญาณฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้ credit cost กลับมาอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้ SCB ยังเป็นหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่จ่ายปันผลโดดเด่นที่ระดับ 4%
- AOT (เออีซี) "ซื้อลงทุน"เป้า 450 บาท ปี 58/59 คาดกำไรปกติโต 20.2%YoY และโตต่อ ปีละ 13.5% ในปี 59/60-60/61 จากเปิด AEC และธุรกิจเที่ยวไทยที่ยังสดใส นอกจากนี้ AOT ยังมีแผนขยายสนามบินทั้ง 6 แห่ง เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 181.0 ล้านคน/ปี จากปัจจุบันที่ 83.5 ล้านคน/ปี และราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 11.4%
- BA (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 34.25 บาท ช่วง 2H59 คาดกำไรโตเด่น YoY จากการท่องเที่ยวเกาะสมุยที่สดใสและต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง หนุนให้คาดปี 59 กำไรปกติยังโตเด่น 20.1%YoY และโตต่อปีละ 27.1% ในปี 60-61 จากการปรับปรุงสนามบินสมุยและเพิ่มฝูงบิน และมี Upside 37% และคาดให้ Div. Yield ปีละ 4.4%
- CPALL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 68 บาท แม้ 3Q จะเป็น low season ของธุรกิจค้าปลีก ผลประกอบการของกลุ่มจึงมักแผ่วลง แต่เราคาดว่า CPALL จะยังมี Same store sales growth เป็นบวก และสูงกว่าค้าปลีกรายอื่นในกลุ่ม ซึ่งจะเป็นการบวกติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 7 ยาวนานที่สุดในกลุ่ม เพราะ Stamp promotion ที่เริ่ม 26 ก.ค. ถึง 25 พ.ย. และได้รับการตอบรับที่ดี เข้ามาช่วย แม้ราคาปัจจุบันจะคิดเป็น 2017PE 30 เท่าและ PEG 2 เท่า สูงกว่ากลุ่ม แต่เสถียรภาพของกำไรและ ROE ที่สูงกว่ากลุ่ม