นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้คาดว่า ดัชนีมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากวันก่อน หุ้นขนาดใหญ่ยังเป็นกลุ่มหลักที่คาดจะมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่อง มองกรอบดัชนีที่ 1,494-1,510 จุด
ขณะที่ตลาดต่างประเทศในคืนที่ผ่านมาคล้ายกับวันก่อน น่าเป็นเพราะรับผลจากปัจจัยบวกจากผลประชุม FOMC และ BOJ โดย Dollar Index และ Bond Yield ของสหรัฐฯ อ่อนค่าลง น่าจะส่งผลมาถึงตลาดเอเชียเช้านี้ด้วย ที่น่าจับตาคือ ผลจากการประชุม BOJ จะมีผลต่อค่าเงินเยนอย่างไร และจะอ่อนค่าลงหรือไม่ (ถ้าเยนอ่อนลงเทียบดอลล่าร์ น่าจะเป็นบวกกับตลาด)
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดไปที่ $46 เห็นประเทศในกลุ่ม OPEC มีการแสดงความจริงจังต่อการประชุมของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในสัปดาห์นี้ หากมีสัญญาณว่ากำลังการผลิตน้ำมันในตลาด จะเข้าใกล้ระดับสมดุลกับความต้องการใช้น้ำมันเร็วเท่าใด จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่ จะมีโอกาสที่ราคาน้ำมันดิบ WTI จะขึ้นแตะ $50 เหรียญก่อนประชุมได้ด้วย เพราะตอนนี้ดอลลาร์ที่อ่อนค่า เป็นบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ผู้ได้ประโยชน์โดยตรงจากการนี้ จะเป็นผู้ผลิตน้ำมัน
ส่วนปัจจัยในประเทศ ช่วงสั้นๆ ยังไม่เห็นปัจจัยลบเข้ามาในตลาด แต่ปัจจัยบวกคงเป็นเงินที่ไหลเข้ามาในตลาดหุ้น ซึ่งสะท้อนมาจากหุ้นขนาดใหญ่ที่เดินหน้าบวกต่อ ข่าวที่ กกพ.กำหนดเปิดให้เอกชนยื่นขอเสนอขายไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม ระหว่างวันที่ 22-28 ก.ย. จะทำให้มีการเข้ามาเก็งกำไรในหุ้นที่เกี่ยวข้อง
"ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ จากปัจจัยบวกในเรื่องดอกเบี้ยในตลาดที่คงอยู่ในระดับต่ำอันเป็นผลจากการประชุม FOMC และ BOJ และเงินลงทุนต่างประเทศที่ยังเข้ามาในตลาดไทย (หุ้น+พันธบัตร) คาดว่าดัชนีวันนี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นจากวันก่อน
สำหรับกลยุทธ์การลงทุน จากที่มองทิศทางตลาดหุ้นว่ายังเดินหน้าต่อได้ หุ้นขนาดใหญ่ยังเป็นกลุ่มหลักที่คาดจะมีแรงซื้อเข้ามาต่อเนื่องจากวันก่อน รวมทั้งหุ้นที่มีปัจจัยบวกอื่นๆ หุ้นที่มองว่าน่าสนใจ
สำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้น แบ่งเป็นหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ PTT,BANPU,IVL และ CPF ส่วนหุ้นที่มีข่าวหรือปัจจัยบวกเฉพาะตัวอื่นๆ เช่น WICE,SVI,ASK