SELIC คาดตั้งอันเดอร์ไรท์ต้น ต.ค.พร้อมเสนอขาย IPO-เข้าเทรดภายใน Q4/59

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 26, 2016 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเสกสรรค์ ธโนปจัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด (APM) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายกาวอุตสาหกรรมทั้งในประเทศและต่างประเทศ เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 80 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้น IPO ได้ในช่วงต้นเดือน ต.ค. และจะสามาถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาส 4/59 แน่นอน

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทจะนำเงินไปลงทุนเครื่องจักรสำหรับแผนวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่งจะมีห้องวิเคราะห์เคมีชั้นสูง และห้องวิจัยสำหรับการตรวจสอบคุณสมบัติของกาว รวมถึงเครื่องควบคุมอุณหภูมิ เครื่องตรวจวัดความแตกต่างของสารสี และเครื่องแยกองค์ประกอบของสารผสม-วัดส่วน-มวลต่อประจุของอนุภาคแก๊ส มูลค่ารวมประมาณ 40 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังจะมีการปรับปรุงอาคารและปรับปรุงระบบการผลิตให้มีประสิทธิภาพและลดความสูญเสียจากการผลิต มูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท และจะมีการลงทุนในการปรับปรุงและพัฒนาระบบ Software เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ มูลค่ารวมประมาณ 10 ล้านบาท

นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC เปิดเผยว่าเงินที่ได้จากการระดมทุนบริษัทจะนำไปขยายธุรกิจเพื่อให้สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ราว 600 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท โดยรายได้มาจากในประเทศ 80 % และต่างประเทศ 20% ซึ่งต่างประเทศจะกระจายอยู่ใน 27 ประเทศทั่วโลก

บริษัทวางเป้าหมายขยายสัดส่วนรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้น โดยครึ่งปีแรกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 30% แล้ว โดยให้ความสำคัญในการเจาะตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีกำลังซื้อและมีศักยภาพที่มีการเติบโตสูง รวมไปถึงการขยายตลาดในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ซึ่งมีอัตราการเติบโตสูง และบริษัทได้มีการจัดตั้งบริษัทย่อย คือ บจก. อี.วี.เอ.อินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าทั่งในประเทศและต่างประเทศ

สำหรับภาวะอุตสาหกรรมตลาดกาวมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดดว่ามูลค่าตลาดกาวโลกจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 4.72% โดยมีปัจจัยจากการติดค้นและประยุกต์กาวให้สามารถให้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ มากขึ้น และตลาดที่เกิดใหม่ในภูมิภาคเอเชีย แอฟริกาและอเมริกา ใช้ผลิตภัณฑ์กาวอุตสาหกรรมมากขึ้น ทำให้บริษัทมั่นใจว่ายังสามารถเติบยังสามารถเติบโตได้อีกมากสอดคล้องกับการขยายตัวของตลาดโลก

นายเอก ยังกล่าวถึงการเดินทางไปให้ข้อมูลแก่นักลงทุนใน 12 จังหวัดทั่วประเทศ ได้แก่ ชลบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น นครปฐม ราชบุรี เชียงใหม่ พิษณุโลก นครสวรรค์ สุราษฎ์ธานี ภูเก็ต สงขลา และที่กรุงเทพมหานคร ได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน โดยที่ผ่านมามีนักลงทุนเข้ารับฟังข้อมูลและสอบถามถึงทิศทางธุรกิจและแผนงานในอนาคตเป็นจำนวนมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ