แหล่งข่าวจากบริษัทที่เตรียมเข้ายื่นประมูลร่วมงานภาครัฐโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู และ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง กล่าวว่า จากกรณีที่รถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ที่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา และมีจำนวนผู้โดยสารต่ำกว่าเป้าหมายนั้น ทำให้บริษัทต้องระมัดระวังมากขึ้นในการทำสมมติฐานของจำนวนผู้โดยสารของทั้งสองโครงการ รวมทั้งดูถึงจุดเชื่อมต่อ เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โครงข่ายขยายและน่าดึงดูดให้ผู้โดยสารเดินทางที่ทำให้การเดินทางสะดวก
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี มีจุดเชื่อมต่อกับสายสีเขียวที่สถานีวัดพระศรี เชื่อมต่อสายสีม่วงที่ศูนย์ราชการนนทบุรี และ เชื่อมต่อสายสีส้มที่สถานีมีนบุรี ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง มีจุดเชื่อมต่อ 2 แห่ง คือเชื่อมต่อสายสีน้ำเงินที่สถานีลาดพร้าว เชื่อมต่อสายสีเขียวที่สถานีสำโรง
ขณะที่งานโยธาของทั้งสองโครงการเป็นงานร่วมทุนกับภาครัฐ(PPP) ภาครัฐจะเข้ามาสบันสนุนเงินทุนบางส่วน หรือประมาณ 2 หมื่นกว่าล้านบาทต่อโครงการสำหรับงานโยธา แต่ตัวสถานี และทางวิ่ง เอกชนต้องลงทุนเอง ช่วยให้เอกชนไม่ต้องลงทุนเองทั้ง 100% ของโครงการ โดยงานโยธาจะได้เงินจากภาครัฐคืนมาภายใน 10 ปี หรือตามแต่ที่ยื่นข้อเสนอไป
"สายสีม่วงก็ทำให้เราต้องระมัดระวังทำโครงการสายสีชมพูและสีเหลือง และดูการต่อเชื่อมของสถานีด้วย...งานโยธารัฐช่วยบางส่วน การร่วมทุนเป็นแบบ Net Cost คือความเสี่ยงอยู่ที่เรา ตอนนี้ก็กำลังทำแผน เตรียมจะยื่นวันที่ 7 พ.ย.ที่ภาครัฐกำหนด"แหล่งข่าว กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
ด้านนายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากจำนวนผู้โดยสารของรถไฟฟ้าสายสีม่วงต่ำกว่าประมาณการนั้น มองว่า บมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) ไม่น่าจะรับผลกระทบโดยตรง เพราะ BEM เป็นเพียงผู้รับจ้างเดินรถ แต่อาจมีผลกระทบทางอ้อมที่ส่งต่อผู้โดยสารไปยังรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ ซึ่งเป็นเส้นทางที่ BEM เดินรถอยู่ในเส้นทางเดิม
ส่วนผลต่อการลงทุนรถไฟฟ้าสายสีชมพูและรถไฟฟ้าสายสีเหลืองของเอกชน นายสมบัติ กล่าวว่า ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อความเป็นไปได้ของโครงการมากนัก เนื่องจากเส้นทางที่ผ่านของรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ระหว่างลาดพร้าวไปถึงสำโรง ถือว่าเป็นเส้นทางที่มีประชาชนใช้บริการค่อนข้างมาก เนื่องจากเส้นทางดังกล่าวมีประชากรหนาแน่น เช่นเดียวกับสายสีชมพูที่วิ่งระหว่างแครายถึงมีนบุรี ก็มีประชากรหนาแน่น รวมทั้งสองเส้นทางดังกล่าวไม่มีปัญหาในจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าเส้นทางอื่น
ดังนั้น คาดว่าเอกชนที่เข้ามาร่วมประมูลโดดเด่น 3 กลุ่ม ได้แก่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ที่จะจับมือกับ บมจซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น (STEC) , BEM จับมือกับ บมจ.ช.การช่าง (CK) และ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเม้นท์ (ITD) ร่วมกับต่างประเทศที่จะเป็นผู้เดินรถ โดยที่ผ่านมาทั้ง BEM และ BTS มีผลงานการบริหารการเดินรถได้อย่างดี อยุ่ในเกณฑ์เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งต่างก็มีลุ้นที่จะได้งาน 2 โครงการดังกล่าว
นายสมบัติ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น BEM ที่ราคาเป้าหมาย 8.20 บาทหลังจากราคาปรับตัวลงมาก ส่วน BTS แนะนำ"ถือ"ราคาเป้าหมาย 9.29 บาท