นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ว่า ยังไม่ชัดเจนว่าจะไปในทางใด เนื่องจากตัวแปรสำคัญๆ หลายตัวยังต้องรอดูผล มองกรอบดัชนีที่ 1,474-1,495 จุด ซึ่งตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ คืนที่ผ่านมาปิดลบ และต่อเนื่องมาถึงตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ด้วย
ตัวแปรสำคัญที่มีผลต่อตลาด คือ นักลงทุนกำลังรอดูผลการโต้วาที (debate) ครั้งแรกของ 2 ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เนื่องจากนโยบายของ ทรัมป์ นั้นมีความแปลกแยกและจะเป็นบวก/ลบต่อตลาดหุ้นอื่นๆได้มาก หากเป็นผู้มีชัยก็อาจเป็นลบต่อตลาดหุ้น จึงเป็นที่สนใจของนักลงทุน
ทั้งนี้ ปัจจัยหนึ่งที่ตลาดให้ความสนใจ คือ การประชุมระหว่าง OPEC กับผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มนำโดยรัสเซียว่าจะออกมาในแบบใด แต่จากราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ทรงตัวในระดับที่ดีกว่าสัปดาห์ก่อน แสดงว่าตอนนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ คาดว่าผลจะออกมาดี โดยผลการประชุม จะเป็น 3 แนวทาง คือ คงกำลังการผลิต ลดกำลังการผลิต และไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ผลการประชุมที่จะเป็นบวกต่อราคาน้ำมันมากที่สุด จะเป็นลดกำลังการผลิต แต่ทางนี้ก็มีโอกาสเกิดยากที่สุดเช่นกัน แต่แนวทางแรกคือคงกำลังการผลิต นั้นเป็นแนวทางที่เราคาดว่ามีโอกาสที่จะเกิดมากที่สุด แต่จะไม่บวก/ลบ ต่อราคาน้ำมัน (ประชุมจริง 28 ก.ย. เวลา บ่าย 3 โมง เวลาในอัลจีเรีย)
นอกจากนี้ ข่าวที่มีการคาดการณ์ว่า Deutsche bank อาจต้องเพิ่มทุน ก็เป็นตัวกดดันต่อตลาดหุ้นยุโรปด้วย
สำหรับปัจจัยในประเทศของไทยเอง ตัวเลขส่งออกของไทยที่พลิกมาเป็นบวกได้ ถือเป็นสัญญาณบวกตัวหนึ่งของตลาด เพียงแต่มีปัจจัยลบตัวอื่นๆ มาถ่วงอยู่ ประเด็นอื่นๆจะเป็นเรื่องแรงขายหุ้นออกมาจนกดดันต่อดัชนีฯมาสองวัน แม้ดัชนีฯจะปรับตัวลงไม่แรง แต่สัญญาณตัวนึง คือ นักลงทุนต่างประเทศขายติดต่อกันเป็นวันที่สองติดต่อกัน เมื่อเราย้อนไปดู ที่นักลงทุนกลุ่มนี้เคยมี position เป็น net sell หรือขายมากกว่า 1 วันติดต่อกัน ล่าสุดคือ 27 มิ.ย.59 นี่เอง ตอนนั้นดัชนีฯไม่ได้ปรับตัวลง แต่อาจมีผลถ้ายังขายติดต่อกันเป็นวันที่สามหรือมากกว่านี้
"ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้ จะไปขึ้นกับตลาดต่างประเทศเป็นหลัก (Debate + ราคาน้ำมัน) ซึ่งจะทำให้ตลาดมีความผันผวนสูง อาจปิดบวกหรือลบก็ได้ ตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน จะเป็นการตอบรับของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศต่อการ Debate รายงานประชุมนโยบายการเงินของ BOJ และผลการประขุม ครม. ของไทยเอง"นายมงคล กล่าว
กลยุทธ์การลงทุน ยังคงประเมินว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยยังไม่ชัดเจนว่าจะไปในทางใด เนื่องจากตัวแปรสำคัญๆ หลายตัวยังต้องรอดูผล จึงแนะนำให้รอดูความชัดเจนของตลาดก่อน นักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไรรอบสั้นจากการรีบราว 2 สัปดาห์ที่ผ่านมายังแนะนำให้ทยอยขายหุ้น กรอบเวลาการลงทุนควรเป็นกรอบเวลาสั้นๆ หุ้นที่มองน่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้น ในส่วนของหุ้นขนาดใหญ่ BANPU,GPSC,DIF,PIMO,TSE