นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บีซีพีจี (BCPG) มั่นใจว่าหุ้น BCPG ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในวันพรุ่งนี้ (28 ก.ย.) เป็นวันแรกนั้นจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี หลังก่อนหน้านี้บริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 590 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 5 บาท ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบมจ.บางจากปิโตรเลียม (BCP) เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นเมื่อวันที่ 14-16 ก.ย.59 และบุคคลทั่วไป นักลงทุนสถาบัน รวมถึงผู้มีอุปการคุณของบริษัท เมื่อวันที่ 16, 19 และ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 10 บาท
บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้ ไปลงทุนขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ โดย BCPG มีเป้าหมายขยายธุรกิจโรงไฟฟ้าในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ โรงไฟฟ้าพลังงานลม โรงไฟฟ้าก๊าซชีวภาพ โรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงขยะ ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อก้าวสู่เป้าหมายมีกำลังการผลิตไฟฟ้าติดตั้งเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ (ภายในปี 63)
ส่วนแผนดำเนินงานนั้น BCPG มีศักยภาพพร้อมรุกขยายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบการประมูลหรือยื่นขออนุญาตขายไฟฟ้า เพื่อพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเองหรือเข้าซื้อ/ควบรวมกิจการ ในโครงการผลิตไฟฟ้าที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วหรือที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างหรืออยู่ระหว่างการพัฒนา โดยมุ่งเน้นการลงทุนแบบพอร์ตโฟลิโอมากกว่าการเข้าลงทุนในรูปแบบการซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่าและช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของ BCPG ให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
"เรามีเป้าหมายลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในประเทศต่าง ๆ โดยไม่จำกัดเฉพาะประเทศในแถบเอเชียเหนือและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น แต่ยังศึกษาโอกาสเข้าลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในทวีปต่าง ๆ ซึ่งในการตัดสินใจแต่ละโครงการนั้น จะเลือกลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าโดยพิจารณาจากประเภทเชื้อเพลิงที่เหมาะสมกับประเทศนั้น ๆ ควบคู่กับการพิจารณาผลตอบแทนจากการลงทุนที่คุ้มค่าอีกด้วย"นายบัณฑิต กล่าว
ปัจจุบัน BCPG มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 324 MW โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศ กำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมทั้งสิ้น 130 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว 118 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาอีก 12 MW ที่คาดว่าจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ประเทศญี่ปุ่น มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 194 MW แบ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 20 MW และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวมประมาณ 174 MW
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า รัฐบาลในหลายประเทศได้เพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานรองรับปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของ BCPG ในการขยายธุรกิจไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก เนื่องจากมีความพร้อมด้านเงินทุน ตลอดจนมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจ จึงเชื่อมั่นว่าการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของ BCPG จะทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้และช่วยสนับสนุนผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต