นายสุรพงษ์ เตรียมชาญชัย กรรมการผู้จัดการ บมจ.นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) (NPP) กล่าวว่า บริษัทไม่มีแผนเข้าซื้อหุ้นใน บมจ.ฮอทพอต (HOTPOT) อย่างที่มีกระแสข่าวลือ แม้ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการในธุรกิจอาหารอื่น 2-3 ราย ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปี 60 โดยเป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดีและมีความสามารถในการทำกำไร ขณะที่ NPP นับว่ามีความพร้อมในการลงทุน เนื่องจากหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่อยู่ในระดับต่ำมากที่ 0.2 เท่า
"เราไม่มีแผนที่จะเข้าซื้อ HOTPOT แต่เราก็มีการคุยเพื่อซื้อกิจการร้านอาหารอื่นอยู่ในขณะนี้ 2-3 ราย แต่ปีนี้คงไม่ได้เห็น เพราะธุรกิจอาหารส่วนใหญ่ยังคงชะลอตัวเราจึงชะลอการตัดสินใจไปก่อน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ก็คงต้นปีหน้า"นายสุรพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้เติบโตเป็นราว 1,000 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนมาจากธุรกิจอาหาร 40-50% ส่วนที่เหลือมาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยธุรกิจบรรจุภัณฑ์ถือว่ามีการเติบโตที่ดีขึ้นตามความต้องการของกลุ่มลูกค้าเดิมและมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีลงทุนเครื่องจักรใหม่ ส่งผลให้สามารถเดินเครื่องกำลังการผลิตได้อย่างเต็มที่ และทำให้แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/59 จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/59
สำหรับธุรกิจอาหารนั้น บริษัทมีแผนขยายสาขาเพิ่ม โดยวางงบลงทุนรวมในช่วงที่เหลือของปีไว้ที่ 60-70 ล้านบาท แบ่งเป็นร้าน A&W จะเพิ่มอีก 5 สาขา จากเดิมมีอยู่ 26 สาขา ,ร้านขนมหวานแบรนด์ "มิสเตอร์โจนส์ ออร์แฟเนจ" เพิ่มอีก 2 สาขา จากเดิมมีอยู่ 5 สาขา ส่วนร้าน Miyabi ยังไม่มีแผนขยายเพิ่ม จากปัจจุบันที่มีอยู่ 5 สาขา
ส่วนการขยายสาขาไปยังประเทศในกลุ่ม CLMV ทั้งกัมพูชา,ลาว,เมียนมา และเวียดนามนั้น บริษัทคาดว่าจะนำแบรนด์ A&W และ Miyabi เข้าไปยังประเทศเมียนมาเป็นที่แรก ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในต้นปี 60 เนื่องจากเมียนมามีศักยภาพการเติบโตสูง และมีจำนวนประชากรที่มาก ขณะที่มองการลงทุนในกัมพูชาเป็นประเทศถัดไป