นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก (GBS) กล่าวว่า บริษัทประเมินกรอบดัชนีหุ้นไทยช่วงนี้แกว่งตัวในกรอบ 1,480-1,505 จุด หลังมองตลาดหุ้นไทยขาดปัจจัยใหม่กระตุ้นการลงทุน หลังรู้ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยไปแล้ว อย่างไรก็ตามการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) เพื่อปิด NAV ในช่วงไตรมาส 3/59 รวมถึงการประชุมนอกรอบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันในวันที่ 26-28 ก.ย. น่าจะช่วยหนุน Sentiment ตลาดได้
ทั้งนี้ แนะนำซื้อแบบ Selective Buy ได้แก่ กลุ่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ ,เทคโนโลยี และปิโตรเคมี โดยคาดว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสทำ Window dressing เนื่องจาก Underperform SET กลุ่มน้ำตาล ได้รับอานิสงส์ราคาน้ำตาลพุ่งทำนิวไฮในรอบ 4 ปี กลุ่มเดินเรือ ได้รับประโยชน์จากค่าระวางทำนิวไฮในรอบปี แนะนำ TTA ,PSL รวมถึง BANPU ที่ได้รับอานิสงส์จากราคาถ่านหินปรับขึ้นทำนิวไฮในรอบ 2 ปี
ด้านนางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ปีนี้ที่น่าจะขยายตัวดีกว่าคาดการณ์เมื่อต้นปี เห็นได้จากหลายสำนักทยอยปรับเพิ่มคาดการณ์จีดีพีไทยปีนี้ ประกอบกับตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค.59 ที่เพิ่มขึ้น 6.5% พลิกเป็นบวกครั้งแรกในรอบ 5 เดือน และมีการขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือนส่งให้การส่งออกในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้หดตัวน้อยลงเหลือ 1.2% จากที่หดตัว 2% ในช่วง 7 เดือนแรกของปี
รวมถึงการที่ BOJ ยืนยันเดินหน้าผ่อนคลายการเงินต่อไปหากจำเป็นเพื่อบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% และการทำ Window Dressing ปิดงบไตรมาส 3/59 ช่วงปลายเดือนก.ย.
อย่างไรก็ดีกรณีธนาคารดอยซ์แบงก์ถูกรัฐบาลเยอรมนีปฏิเสธการให้ความช่วยเหลือค่าปรับ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ที่สหรัฐฯเรียกร้อง และกระแสคาดการณ์ว่าการประชุมนอกรอบของกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันจะไม่ได้ข้อตกลงการตรึงกำลังการผลิตเป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นไทยได้ ทั้งนี้ มีปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาในวันที่ 26-28 ก.ย. กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก)เตรียมจัดการประชุมอย่างไม่เป็นทางการร่วมกับผู้ผลิตน้ำมันเพื่อหารือถึงวิธีสร้างเสถียรภาพของราคาน้ำมัน และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะรายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในวันที่ 30 ก.ย.นี้
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำปรับขึ้นมาแรงในสัปดาห์ที่ผ่านมาขานรับข่าวคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟด ที่มีมติในการประชุมช่วงวันที่ 20-21 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นอยู่ในช่วง 0.25-0.50% ตามที่ตลาดการเงินคาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตามราคาทองคำเริ่มมีการพักตัวในกรอบแคบหลังจากขึ้นแรงจากแรงกดดันที่ว่าประธานเฟดสาขาบอสตันออกมาให้ความเห็นว่าเฟดควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปในขณะนี้ ขณะที่นักลงทุนเชื่อว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ย 0.50-0.75% ในการประชุม FOMC เดือนธ.ค.นี้ โดยความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนพ.ย. อยู่ที่ 12% เดือนธ.ค.อยู่ที่ 54% และเดือนก.พ.60 อยู่ที่ 57%
ทั้งนี้ ปัจจัยที่ต้องจับตาได้แก่สถานะทางการเงินของดอยซ์แบงก์หลังสหรัฐเรียกร้องให้ดอยซ์แบงก์จ่ายค่าปรับเป็นเงิน 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อยุติการสอบสวนในคดีที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน (MBS) ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีเมินให้ความช่วยเหลือด้านการเงินต่อดอยซ์แบงก์
แนวโน้มราคาทองโลกด้านเทคนิค ราคาพักตัวออกข้างที่อยู่ในแนวแขนรูปแบบ BULLISH FLAG ระยะสั้น ที่ซ้อนอยู่ในแนวขึ้นรูปแบบ DOUBLE BOTTOM ขณะที่มีแนวรับหนุนจากสัญญาณบวก GOLDEN CROSS ทำให้ราคาแนวโน้มพักตัวเพื่อปรับขึ้นต่อ โดยมีแนวรับ 1,310-1,305 เหรียญ/ทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,360-1,365 เหรียญ/ทรอยออนซ์