นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี (CCP) คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะลดลงราว 50% จากปีก่อนที่ทำได้ 53.66 ล้านบาท และปรับลดรายได้ปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ระดับ 2.4 พันล้านบาท จากเดิมคาดรายได้จะเติบโตมาที่ราว 2.6 พันล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลต่อยอดขายลดลง และงานประมูลออกมาค่อนข้างน้อย ทำให้เกิดการแข่งขันด้านราคากันอย่างมากเพื่อแย่งชิงงาน ซึ่งบริษัทก็ได้แข่งขันราคาดังกล่าวด้วยเช่นกัน ส่งผลให้มาร์จิ้นปรับตัวลดลง โดยมองอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้จะอยู่ที่ 10% จาก 11.45% ในปีก่อน และอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 1% จาก 2.22% ในปีก่อน
ทั้งนี้ มองแนวโน้มผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้น จากที่มีการส่งมอบงานได้ตามเป้าหมาย และราคาของสินค้าก็ดีขึ้นด้วย ส่งผลดีต่อมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น ขณะที่ปัจจุบันมีงานในมือ(Backlog) กว่า 2.5 พันล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ราว 60% และที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ไปอีก 6 เดือนข้างหน้า
ช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังเดินหน้าเข้าประมูลงานภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ทั้งโครงการการลงทุนขนาดใหญ่เมกะโปรเจค และงานรัฐบาลส่วนท้องถิ่น โดยอยู่ระหว่างติดตามงานโครงการที่มีการยื่นเสนอราคาไปแล้ว เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ 2 สาย บางปะอิน-โคราช ,บางใหญ่-กาญจนบุรี ,สนามบินอู่ตะเภา,สนามบินสุวรรณภูมิ,โครงการท่าเรือแหลมฉบัง มูลค่ารวมราว 1.4-1.5 พันล้านบาท ซึ่งคาดหวังจะได้รับงานทั้งหมด
ส่วนงานเอกชน กลุ่มผู้ประกอบการรับเหมา และผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายย่อย โดยรวมมีการขยายตัวค่อนข้างน้อย แต่ก็ยังมีกลุ่มผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์บางกลุ่มที่ยังคงมีการขยายงานอยู่ ซึ่งบริษัทจะเน้นเรื่องของการพัฒนาสินค้ากลุ่ม Precast อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากขึ้น ซึ่งเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่บริษัทจะขยายผลิตภัณฑ์ไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่คนอื่นไม่สามารถทำได้ และมีความต้องการในตลาด โดยปัจจุบันก็มีการขยายผลิตภัณฑ์ไปยังกลุ่มสินค้าแลนด์สเคป มีมาร์จิ้นสูง หรือประมาณ 20-30% อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็มีการจำหน่ายไปบ้างแล้ว และได้รับการตอบรับที่ดีพอสมควร
นอกจากนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรในเมียนมา เพื่อทดลองการส่งสินค้าของบริษัท ออกไปจำหน่ายในต่างประเทศ คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ในไตรมาส 4/59
"แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาจะมีการส่งมอบสินค้าต่ำกว่าแผนของบริษัทพอสมควร เนื่องจากความคืบหน้าของงานเมกะโปรเจคที่บริษัทได้รับงานมาเริ่มใช้สินค้าล่าช้ากว่าที่คาด อย่างไรก็ตามหลังจากเริ่มเข้าไตรมาส 3/59 บริษัทมองเห็นแนวโน้มที่ดีขึ้น การส่งมอบสินค้าเริ่มกลับเข้าสู่แผนการดำเนินงานปกติ ซึ่งเราก็ได้มีการปรับกลยุทธ์ ศึกษาแนวทางลดต้นทุน ทั้งด้านกระบวนการผลิตวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถเพิ่มอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และพยายามรักษาการเติบโตของรายได้ให้ใกล้เคียงปีก่อน"นายอาทิตย์ กล่าว
อนึ่ง ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ CCP ทำกำไรสุทธิได้เพียง 8.6 ล้านบาท และมีรายได้รวม 1.18 พันล้านบาท