โบรกเกอร์เชียร์ "ซื้อ"หุ้นบมจ.สาลี่อุตสาหกรรม (SALEE) มองกำไรปี 59-60 เติบโตโดดเด่น เหตุรับรู้รายได้และกำไรเพิ่มขึ้นจากการลงทุนใน PST ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าพลาสติกประเภทของใช้ในครัวเรือน รวมถึงธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกมีทิศทางดีขึ้นจากอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เริ่มมีสัญญาณบวก หลังยอดผลิตรถยนต์และยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศกลับมาเติบโต อีกทั้งธุรกิจพิมพ์ฉลากของ SLP มีแนวโน้มดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่
ขณะที่หุ้น SALEE เป็นหุ้น Small cap ที่ตลาดยังมองข้าม และระดับราคาปัจจุบันอยู่ในจุดที่น่าสนใจเข้าซื้อ หลังราคาหุ้นปรับลดลงมา 48% ช่วง 2 ปีนี้
หุ้น SALEE พักเที่ยงอยู่ที่ 1.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.03 บาท (+2.04%) นับแต่ต้นปีราคาหุ้นปรับขึ้นราว 64.8% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยเพิ่มขึ้นราว 15.9%
โบรกกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 2.00 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 1.93
นายอนุวัฒน์ ศรีขจรรัตน์กุล นักวิเคราะห์อาวุโส บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แนวโน้มผลประกอบการผลประกอบการของ SALEE ในปี 59-60 จะเห็นการ Turnaround อย่างชัดเจน คาดว่ากำไรจะเติบโต 100% ในปีนี้และ 107% ในปีหน้า ขณะที่ระยะสั้นงวดครึ่งปีหลังปีนี้จะเห็นกำไรทำระดับสูงสุดที่ 45 ล้านบาท เป็นผลมาจากธุรกิจรับจ้างผลิตฉลากสินค้าคุณภาพสูงภายใต้ บมจ.สาลี่ พริ้นท์ติ้ง (SLP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จะฟื้นตัวได้ค่อนข้างมากตามภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
รวมถึงกลยุทธ์การทำตลาดผ่านเทคโนโลยีใหม่เป็นจุดที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ซึ่งจะช่วยหนุนมาร์จิ้นระยะยาว โดยบริษัทได้เตรียมเครื่องจักรรองรับงานประเภทนี้ไว้แล้ว ในขณะเดียวกันคาดว่ากำไรของ SLP ในช่วง 2 ปี ต่อจากนี้จะฟื้นตัวแรงกว่า 3 เท่า จาก 29 ล้านบาทปี 58 เป็น 110 ล้านบาทปี 60 ขณะที่ SALEE ถือหุ้นใน SLP สัดสว่น 65% และคิดเป็น 77% ของกำไร SALEE
นอกจากนี้ การต่อยอดมาเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์พลาสติก ภายใต้บริษัท เพชรสยาม(ประเทศไทย) หรือ PST ที่ SALEE ถือหุ้น 75.5% นั้นเป็นการลงทุนที่ดีมาก เนื่องจากสามารถสร้างผลกำไรให้กับบริษัททันที และสามารถสร้าง Synergy กับธุรกิจผลิตฉลากสินค้าที่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าด้วย
ขณะที่ PST เป็นผู้ประกอบการผลิตถังสังฆภัณฑ์และถังพลาสติกรายใหญ่ ครองส่วนแบ่งตลาดในบิ๊กซีกว่า 50% ทำให้มองว่ายังมีทิศทางการเติบโตอีกมาก ทั้งการเพิ่มช่องทางจำหน่าย, เพิ่มสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม และสินค้าอื่น ๆ อีก โดยประเมินกำไรของ PST แบบระมัดระวังในปี 59-61 (เริ่มก.ค.59) จะอยู่ที่ 8 ล้านบาท, 53 ล้านบาท และ 60 ล้านบาท ตามลำดับ
สำหรับโครงสร้างรายได้และกำไรของ SALEE ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะผูกติดกับธุรกิจผลิตฉลากสินค้า ซึ่งในธุรกิจดังกล่าว บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดราว 8% ถือเป็นอันดับที่ 2 ของอุตสาหกรรม ขณะที่รายอื่นเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กจำนวนมาก แต่บริษัทเน้นไปที่งานคุณภาพสูง จึงทำให้ที่ผ่านมายังสามารถรักษาอัตราการทำกำไรไว้ได้ในระดับสูง
ขณะที่ SALEE นับเป็นผู้ประกอบธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกและผลิตฉลากสินค้าคุณภาพสูง มีจุดที่น่าสนใจโดยเป็นหุ้น Small cap ที่ตลาดยังมองข้าม นอกจากผลประกอบการจะเห็นการ Turnaround แล้ว ยังมี upside risk จากประมาณการ รวมถึงโอกาสนำบริษัทย่อยเข้าตลาดหุ้นในอนาคต นอกจากนี้ ระดับ Valuation ยังน่าสนใจ และราคาหุ้นปรับลดลงมา 48% ช่วง 2 ปีนี้ โดยเฉพาะในระยะสั้น ลดลงถึง 19% จึงเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าสนใจ และเป็นตัวเลือกที่ดีในภาวะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว
ด้าน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดผลกำไรของ SALEE จะกลับมาฟื้นตัวได้โดดเด่นในปี 59-60 หลังจากมองว่าน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยธุรกิจผลิตชิ้นส่วนพลาสติกมีทิศทางที่ดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากที่ช่วงก่อนหน้านี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจและการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
รวมทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มมีสัญญาณบวก หลังในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมายอดผลิตรถยนต์และยอดขายรถจักรยานยนต์ในประเทศกลับมาโตที่ 3.4% และ 4.5% ตามลำดับ และมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 60 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่ายอดผลิตรถยนต์โตเป็น 2 ล้านคัน จากเป้า 1.9 ล้านคันในปี 59 ขณะที่กลุ่มเครื่องใช้ในสำนักงานและของใช้ในครัวเรือนยังมีการเติบโตอยู่
สำหรับธุรกิจพิมพ์ฉลาก ที่ดำเนินการโดย SLP นั้นคาดจะปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน ซึ่งเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดจะฟื้นตัวขึ้น อีกทั้งจะมีการนำเสนอฉลากแบบใหม่ที่มีมาร์จิ้นสูง ขณะที่การลงทุนใน PST ซึ่งทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าพลาสติกในครัวเรือนและชุดสังฆทาน จะเป็นส่วนช่วยสร้างการเติบโตให้กับ SALEE ในอนาคต
โดย PST เป็น 1 ใน 3 รายของผู้ผลิตชุดสังฆทานรายใหญ่ ซึ่งบริษัทเดิมมีรายได้ราว 700 ล้านบาท/ปี และในอนาคต PST จะรุกตลาดในประเทศมากขึ้นผ่านช่องทางอื่น ๆ และหาลูกค้าใหม่เพิ่ม จากปัจจุบันอิงกับโมเดิร์นเทรดรายใหญ่ รวมถึงการรุกตลาดต่างประเทศทั้งในออสเตรเลีย และกุล่ม CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของ SALEE ฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิจะกลับมาโตขึ้นอย่างมากที่ 47.17 ล้านบาท เติบโต 129% เมื่อเทียบครึ่งปีแรก ซึ่งภาพรวมจะกลับมาฟื้นตัวทั้งในบริษัทแม่ และบริษัทย่อย โดยในส่วน SALEE มีงานจาก Canon เข้ามาเพิ่ม และได้ลูกค้ารายใหม่ ขณะที่ SLP แนวโน้มธุรกิจดีขึ้นและจะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ และยังรับรู้ผลการดำเนินงานของ PST ตั้งแต่ก.ค.เป็นต้นไป ทำให้คาดทั้งปี 59 จะมีกำไรพลิกกลับมาเติบโต 107.1% มาที่ 67.78 ล้านบาท
สำหรับในปี 60 คาดว่ากำไรโดดเด่นอยู่ที่ 132.82 ล้านบาท หรือเติบโต 96% และมียอดขายอยู่ที่ 1.91 พันล้านบาท โดยมาจากการรับรู้รายได้และกำไรของ PST เข้ามาเต็มปี พร้อมกันนี้ คาดยอดขาย PST จะกลับมาเป็นปกติก่อนเข้าซื้อสินทรัพย์ และยังได้ปรับปรุงระบบงานต่าง ๆ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต ส่วน SLP คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัวต่อเนื่องตามแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นและมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ขณะที่ผลการดำเนินงานเฉพาะของ SALEE คาดฟื้นตัวเช่นกันแต่ไม่มาก จากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ที่ยังชะลอลง แต่จะได้กลุ่มยานยนต์และของใช้ในครัวเรือนที่มีแนวโน้มดีขึ้นเข้ามาสนับสนุน
ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมีเป้า Consensus สำหรับหุ้น SALEE ที่ 1.97 บาท โดยคาดว่าการลงทุนใน PST จะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/59 และรับรู้เต็มปีในปี 60 หลังจากปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดระบบภายในขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานของ PST ในไตรมาส 3/59 จะยังไม่เด่น อย่างไรก็ดีธุรกิจของ SLP จะมีกำไรเด่นในไตรมาส 3/59 เพราะเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ ทำให้งบไตรมาส 3/59 ของ SALEE กลับมาโตเมื่อเทียบรายไตรมาส