บมจ.แอสแซทไบร์ท (ABC) เปิดตัว WeChat Pay แอพพลิเคชั่นชำระเงินค่าสินค้าและบริการ E-Payment ของ Tencent ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในประเทศจีน พร้อมให้บริการในประเทศไทย รองรับการบริการกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีมากในประเทศไทยเป็นกลุ่มแรก เพิ่มอีกช่องทางในการชำระเงิน และเป็นการเพิ่มการสะพัดเงินของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมืองไทยให้เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเริ่มให้บริการได้ในไตรมาส 4/59 โดยตั้งเป้าทำรายได้คิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดการใช้จ่ายของนักท่องเทียวจีนในประเทศไทย
นายปรเมษฐ์ รังรองธานินทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ ABC กล่าวว่า รายได้จากธุรกิจการให้บริการ WeChat Pay ในปีนี้คงจะไม่มาก หลังเพิ่งจะเริ่มให้บริการในไตรมาส 4/59 แต่ในปี 60 จะรับรู้รายได้เต็มปี โดยขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
ทั้งนี้ ABC จับมือพันธมิตรทางธุรกิจกับ Tencent Group เป็นบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจอินเตอร์เน็ตในจีน และ Ksher ผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอที เปิดตัว WeChat Pay ซึ่งเป็น E-Payment ในการชำระเงินค่าสินค้าและบริการ ของ Tencent ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในจีน โดย Ksher จะทำหน้าที่ดูแลด้านไอที ระบบการรับชำระเงินในเมืองไทยให้ Tencent ขณะที่ ABC จะเป็นศูนย์กลางในการรับชำระค่าสินค้าและบริการ ผ่านร้านค้าในเมืองไทยที่ใช้ระบบ WeChat Pay พร้อมเปิดตัวให้บริการ WeChat Pay ซึ่งเป็น E-Paymentในการชำระเงินค่าสินค้าและบริการ
สำหรับเป้าหมายแรกของการให้บริการ WeChat Pay จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนก่อน ซึ่งปัจจุบันมีสถิตินักท่องเที่ยวชาวจีน 8 ล้านคนต่อปี มีการใช้จ่ายเงินประมาณ 4.2 แสนล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อสินค้าและบริการให้กลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเที่ยวในเมืองไทยได้รับความสะดวก รวดเร็วในการชำระเงิน
ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนที่มาท่องเที่ยวในเมืองไทย มีข้อจำกัดเรื่องการนำเงินตราเข้าประเทศไทย และส่วนใหญ่ใช้ WeChat Pay ในการชำระค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ในจีนอยู่แล้ว ถ้าเพิ่มช่องทางการชำระเงินผ่าน WeChat Pay จะเป็นการเพิ่มอีกช่องทางหนึ่งในการจ่ายเงิน และเป็นการเพิ่มการสะพัดเงินของกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนในเมืองไทยเพิ่มมากขึ้น โดยร้านค้าทั้งรายเล็ก รายใหญ่แค่มี QR CODE ก็สามารถรับชำระค่าสินค้า และ บริการผ่านระบบ WeChat Pay ได้ทันที ซึ่งเป็นการลดต้นทุนให้แก่ร้านค้าและเป็นการเพิ่มช่องทางในการชำระเงินให้แก่ร้านค้าอีกทางหนึ่งด้วย
นายปรเมษฐ์ กล่าวว่า นับเป็นก้าวแรกในการจับมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ ระหว่าง WeChat Pay, Asset Bright และ Ksher โดยจะเริ่มวางระบบไอทีการรับชำระค่าสินค้าและบริการ และการติดต่อร้านค้า เข้าร่วมเป็นสมาชิกในการรับชำระค่าสินค้าและบริการผ่านระบบ WeChat Pay ก่อน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดใช้บริการได้ภายในไตรมาส 4 นี้
อนึ่ง ธุรกิจ Wechat Pay ของ Tencent Group เริ่มชำระค่าสินค้าและบริการตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 ม.ค.54 โดยคนจีนส่วนใหญ่ใช้เวลาอยู่กับมือถือ และ WeChat เป็นหนึ่งในแอพพลิเคชั่นที่คนจีนนิยมใช้สมาร์ทโฟนสำหรับการสนทนา และ WeChat Pay สำหรับการชำระเงิน โดย WeChat Pay สามารถใช้โอนเงินให้ระหว่างกัน, ใช้ซื้อสินค้าทั้งออนไลน์และซื้อของตามหน้าร้านค้า ปัจจุบัน WeChat Pay มี Active user ทั่วโลกกว่า 400 ล้านบัญชีและบริษัท Tencent Group เป็นหนึ่งในบริษัทไอทีที่มีมูลค่าสูงที่สุดในเอเชีย
นายปรเมษฐ์ กล่าวอีกว่า บริษัทมั่นใจว่าปีนี้ผลประกอบการจะพลิกเป็นกำไรสุทธิ จากปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 73.32 ล้านบาท หากปีนี้การรับรู้รายได้เป็นไปตามคาด ที่จะมีรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 80% และธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ 20% ขณะที่ปัจจุบันตนยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทด้วยสัดส่วน 64% และยังไม่คิดที่จะขายหุ้นออกมาอีก ส่วนในปีหน้ายังไม่สามารถระบุได้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่าง ๆ
ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รายงานการจำหน่ายหุ้นของนายปรเมษฐ์ ที่ทยอยขายหุ้นออกมาในปีนี้ โดยการรายงานล่าสุดพบว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมานายปรเมษฐ์ ขายหุ้น ABC ออกมาจำนวน 7.59% คงเหลือถือหุ้นจำนวน 65.94%