นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยวันนี้ว่า ลดความร้อนแรงลง มีแนวโน้มผันผวนในกรอบแคบ และอาจปรับตัวลดลงเมื่อปิดตลาด ส่วนหนึ่งมาจากนักลงทุนบางส่วนจะขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงก่อนเข้าสู่วันหยุด ขณะที่ภาพรวมของตลาดหุ้นปัจจัยต่างประเทศที่มีทั้งบวกและลบสลับกัน น้ำหนักจะเอียงไปในทางลบ และคาดผลบวกจากหุ้นที่ได้ประโยชน์จากน้ำมันจะไม่มากเหมือนวันก่อน จะทำให้ดัชนีฯวันนี้ลดความร้อนแรงลง มองกรอบดัชนีที่ 1,478-1,497 จุด
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีข่าวที่บวกต่อตลาดหลายตัว โดยเฉพาะ GDP ไตรมาส 2 ที่ปรับจากรายงานครั้งก่อนที่ 1.1% เป็น 1.4% และมีโบรกเกอร์บางรายปรับขึ้นคาดการณ์ GDP ไตรมาส 3 ขึ้นไปด้วย แสดงว่าแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงดีอยู่ อย่างไรก็ตาม ตลาดมีความกังวลต่อหุ้น Deutsche Bank ที่ปรับตัวลงหลังมีรายงานว่าลูกค้าเริ่มย้ายสินทรัพย์ที่เป็นอนุพันธ์ทางการเงินไปยังสถาบันการเงินอื่นๆ เป็นผลจากความไม่มั่นใจต่อฐานะของธนาคาร จากเรื่องของค่าปรับ $1.4 หมื่นล้านเหรียญที่ธนาคารถูกฟ้องจากทางการสหรัฐฯ โดยผลดังกล่าว ลดความเป็นบวกของตลาดเอเซียลงในช่วงเช้าของวันนี้ด้วย
ราคาน้ำมันดิบเดินหน้าต่อคืนที่ผ่านมา ตอบรับกับข่าว OPEC ยอมลดกำลังการผลิตลง เหลือ 32-32.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยจะสรุปโควต้าของแต่ละประเทศ 30 พ.ย.การตอบรับของตลาดในทางบวกถือว่าไม่มากนัก ส่วนหนึ่งเพราะคงอยากเห็นว่าจะลดจริง ๆ ได้ขนาดไหน ถ้าลดน้อยก็จะไม่มีผลต่อ supply ในตลาด และที่สำคัญประเทศอื่นๆนอกกลุ่ม OPEC จะทำอย่างไร โดยวันนี้ประเมินทิศทางหุ้นน้ำมันน่าจะเริ่มทรง ๆ หากน้ำมันดิบในตลาดไม่ปรับขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นวันที่ผ่านมา
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ แนวโน้ม GDP ไทยที่จะดีกว่าที่เคยคาดกันยังเป็นตัวบวกของไทย (ไตรมาส 3 คาดว่าโต 3.5% ; โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง) ขณะที่หุ้นน้ำมัน-ปิโตรเคมี ที่มีรายได้จากการขายน้ำมันดิบและการกลั่นน้ำมัน จะเป็นตัวกำหนดทิศทางตลาดเช่นเดียวกับวันก่อน ซึ่งคาดในเบื้องต้นว่าจะเป็นบวกน้อยลง นอกจากนี้ การพลิกกลับมาขายหุ้น หรือ net sell 1.29 พันล้านบาท ของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดหุ้นไทย จะทำให้นักลงทุนบางส่วนยังไม่กล้าเข้าซื้อหุ้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุน ด้วยกรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีฯที่จะแคบลง KTBST แนะนำชะลอการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้มาก เนื่องจากยังไม่ชัดเจนว่านักลงทุนกลุ่มนี้จะถือหุ้นต่อหรือขายหุ้นออกมา ควรพิจารณาจากหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว หรือหุ้นที่มีการประเมินกำไรไตรมาสที่ 3 ว่าจะออกมาดี หุ้นที่น่าสนใจสำหรับการเก็งกำไรช่วงสั้น ได้แก่ KCE,TOG,BANPU,TVO