นายสรายุทธ มหวลีรัตน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.สยามสปอร์ต ซินดิเคท (SPORT) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนการดำเนินงานเพื่อให้สอดคล้องกับกระแสการเปลี่ยนแปลงจากรูปแบบอนาล็อกสู่รูปแบบดิจิตอล โดยจะเน้นการขยายไปสู่ธุรกิจดิจิตอลมากขึ้น ผ่านช่องทางเว็บไซต์ คือ www.siamsport.co.th ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าชมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยติดอันดับ 7 หรือ 8 ของเว็บไซต์ที่มีผู้ชมมากที่สุด โดยคาดว่าในปี 60 บริษัทจะเริ่มการรุกสู่ธุรกิจดิจิตอลอย่างจริงจังเพื่อเตรียมรับการแข่งมหกรรมกีฬาระดับโลก
สำหรับเงินลงทุนส่วนหนึ่งจะมาจากการจำหน่ายหุ้นบางส่วนจำนวน 12.5% ในบริษัท ไอ สปอร์ต จำกัด (I-SPORT) ในราคาหุ้นละ 40 บาท ทำให้ได้รับเงินเข้ามา 60 ล้านบาท ขณะที่บริษัทยังคงเหลือการถือหุ้นใน I-SPORT จำนวน 37.50% นอกจากนี้การขายหุ้น I-SPORT ทำให้บริษัทสามารถบริหารสภาพคล่องได้ดีขึ้นด้วย
ทั้งนี้ บริษัทจะเพิ่มข้อมูลคอนเทนท์ และจะเพิ่มเว็บไซต์ที่เป็นหัวหนังสือในเครือ เช่น สยามบันเทิง, สยามดารา และสตาร์ซอคเกอร์ ,ฟุตบอลสยาม เพื่อสร้างความหลากหลายในการนำเสนอ พร้อมกับการคอนเทนท์กีฬาร่วมกันพันธมิตรรายอื่น เพื่อเพิ่มช่องทางหารายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำคอนเทนท์กีฬาในหลากหลายแพลตฟอร์ม เช่น เว็บไซต์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น หรือรับจ้างผลิตรายการกีฬา ซึ่งเป็นงานที่บริษัทมีความชำนาญและมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถรองรับ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตร 3-4 ราย ในธุรกิจที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ในปี 60
"ที่เรากำลังจะเริ่มลงทุนเพื่อไปสู่ธุรกิจดิจิตอลมากขึ้น เพื่อให้ธุรกิจเราสอดคล้องไปกับยุคสมัยในปัจจุบันและอนาคตที่เปลี่ยนไปสู่รูปแบบดิจิตอล ที่เริ่มมีบทบาทในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารมากขึ้น โดยเรามีเว็บไซต์ siamsport.co.th ที่ติดอันดับ 7 และ 8 อยู่ในปัจจุบัน และมีหัวหนังสือชื่อดังที่อยู่ไนเครือ พร้อมกับบุคลากรที่มีประสบการณ์และความสามารถ เราจะนำทั้งหมดมาใช้เพื่อต่อยอดธุรกิเของเราไปสู่รูปแบบดิจิตอล แต่คงจะต้องใช้เวลาสักระยะ เพราะหลังจากเราได้เงินจากการขาย I-SPORT มา เราก็จะนำไปลงทุนในส่วนดิจิตอลส่วนหนึ่ง ซึ่งก็คงจะเห็นภาพการลงทุนในรูปแบบดิจิตอลที่ชัดเจนในปีหน้า"นายสรายุทธ กล่าว
นายสรายุทธ กล่าวว่า การสร้างรายได้ของธุรกิจดิจิตอลจะใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะมีรายได้จากค่าโฆษณาอย่างเดียวในช่วงแรก โดยเฉพาะการทำเว็บไซต์และสื่อออนไลน์ ต่างจากหนังสือพิมพ์ที่มีรายได้จากค่าโฆษณาและการขายหนังสือ ดังนั้น คาดว่าการจะเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนสำหรับธุรกิจดิจิตอลกลับมาอย่างชัดเจนอาจจะเป็นในปี 61 และจะช่วยผลักดันให้ผลประกอบการของบริษัทมีทิศทางดีขึ้น นอกเหนือจากที่ในปีดังกล่าวจะมีมหกรรมกีฬาระดับโลก ทั้งฟุตบอลโลก และเอเชี่ยนเกมส์
อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังดำเนินธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ต่อไป แต่จะไม่มุ่งเน้นมากนัก โดยบริษัทจะนำบุคลากรที่มีศักยภาพเกี่ยวกับข่าวกีฬามาทำงานเกี่ยวกับคอนเทนท์ดิจิตอลมากขึ้น เพื่อเสริมให้ธุรกิจดิจิตอลมีความน่าสนใจทัดเทียมกับหนังสือพิมพ์ อีกทั้งจะมีการปรับงานด้านการให้บริการระบบโลจิสติกส์ โดยจะให้บริการรับจ้างขนส่งหนังสือพิมพ์กับบริษัทอื่น ๆ ด้วย เพราะบริษัทมีรถขนส่งอยู่มากถึง 70 คัน ซึ่งเพียงพอต่อการให้บริการ อีกทั้งช่วยให้บริษัทมีรายได้เพิ่มเติม และช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ลดลง และในอนาคตจะเพิ่มการบริการขนส่งสินค้าสินค้าอื่น ๆ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้บริษัทยังศึกษาการทำธุรกิจรับจัดงานอีเว้นท์ โดยเฉพาะการขยายงานอีเว้นท์ไปในภูมิภาคอาเซียน โดยอาจจะมีการนำงาน Sport Expo และ Auto Salon ไปจัดในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มรายได้ไห้กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้จะยังทรงตัวจากปีก่อน เพราะเป็นช่วงที่สื่อสิ่งพิมพ์เริ่มมีบทบาทลดลง และมีสื่อดิจิตอลเข้ามาทดแทน ซึ่งบริษัทยอมรับว่าสิ่งที่ทำให้ยังมีผู้คนสนใจซื้อหนังสือพิมพ์ของบริษัทอยู่เพราะคอนเทนท์ด้านกีฬา แต่บริษัทก็ต้องเตรียมพร้อมในการแก้ไขและปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ซึ่งจะเห็นความชัดเจนของการเปลี่ยนแปลงในปี 60 "เราหวังว่าการเปลี่ยนแปลงสู่ระบบดิจิตอลนั้น ในระยะยาวจะสนับสนุนให้มีผลงานพลิกกลับมาเป็นบวกได้ โดยปัจจุบันรายได้หลักของบริษัทมาจากหนังสือพิมพ์ 70% และโฆษณา 30% ซึ่งคาดว่าในอนาคตจะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากเว็บไซต์เข้ามาเพิ่มขึ้น"นายสรายุทธ กล่าว
อนึ่ง ปีที่แล้ว SPORT มีผลขาดทุนสุทธิ 33.89 ล้านบาท นับเป็นการขาดทุนสุทธิต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 167.51 ล้านบาท