โบรกเกอร์แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป (TISCO) จากแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการตั้งสำรองที่ลดลงหลังสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีทิศทางที่ลดลง อีกทั้งยังได้รับผลบวกจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จากต้นทุนทางการเงินลดลง คาดว่าจะสามารถรักษา NIM ได้อยู่ในระดับสูงในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้
ด้านการปล่อยสินเชื่อในปีนี้ยังคงถูกกดดันจากภาวะการชะลอตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศ มีผลต่อสินเชื่อรถยนต์ใหม่และเก่า ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีสัดส่วนมากนั้นยังคงติดลบ และส่งผลให้สินเชื่อรวมติดลบตามไปด้วย แต่คาดว่าจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นในปี 60 จากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวและโครงการรถยนต์คันแรกเริ่มทยอยครบกำหนดอายุ จะช่วยให้สินเชื่อรวมพลิกกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า แต่สินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานนั้นยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระดับสูง
ราคาหุ้น TISCO ปิดเที่ยงวันนี้ที่ 53.00 บาท ลดลง 0.75 บาท (-1.40%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) บัวหลวง ซื้อ 63.50 เอเซีย พลัส ซื้อ 62.40 กสิกรไทย ซื้อ 62.00 โนมูระ พัฒนสิน ซื้อ 61.00 ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 60.00 ธนชาต ซื้อ 58.00 ยูโอบี เคย์เฮียนฯ ซื้อ 54.00
นางสาวอุษณีย์ ลิ่วรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ TISCO ในไตรมาส 3/59 คาดว่าจะเติบโต 4.6% จากไตรมาสก่อน และ 56% ช่วงเดียวกันของปีก่อน มาจากการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม และ NIM ที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าสินเชื่อรวมอาจจะยังติดลบ โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่และมือสองที่ยังชะลอตัวตามภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ แต่สินเชื่อทะเบียนรถยนต์และสินเชื่อรายใหญ่ยังเติบโตดีอยู่ อีกทั้ง สัดส่วนหนี้ NPL มีแนวโน้มที่ปรับตัวลงมาอยู่ที่ 3% เพราะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์เริ่มมีสัญญาณการชำระหนี้ที่ดีขึ้น
ด้านแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ยังมองในภาพของการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากการที่รักษาระดับ NIM ในระดับที่สูง การตั้งสำรองหนี้สูญที่อาจจะมีแนวโน้มลดลง หลังแนวโน้มคุณภาพหนี้เริ่มดีขึ้น ซึ่งจะไม่กดดันกำไรของบริษัท
นอกจากนี้ ยังมองว่าผลบวกจากปัจจัยดังกล่าวจะช่วยให้ผลการดำเนินงานในปี 60 ขยายตัวต่อเนื่องจากปี 59 โดยประเมินว่ากำไรสุทธิในปี 60 จะเติบโต 10.5% จากปีนี้ เนื่องจากปัจจัยหลักเรื่องค่าใช้จ่ายนการตั้งสำรองที่ลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากแนวโน้ม NPL ที่คาดว่าจะลดลงต่ำกว่า 3% ในปีหน้า ประกอบกับ การฟื้นตัวของยอดขายรถยนต์ในประเทศที่จะช่วยให้สินเชื่อรถยนต์พลิกกลับมาเป็นบวกได้ และยังมีแรงหนุนจากสินเชื่อทะเบียนรถยนต์ที่ให้ผลตอบแทนสูง สามารถรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปีในปี 60 ก็จะผลักดันให้ผลการดำเนินงานบริษัทยังเติบโตขึ้น ขณะที่ปี 59 ยังคงประมาณการกำไรสุทธิเติบโต 18.9% จากปีที่ผ่านมา
นางสาวสุนันทา วสะภิญโญกุล ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส คาดว่า TISCO จะมีกำไรสุทธิในปีนี้เติบโต 18% จากปีก่อน นับเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 4 ปี จากการเพิ่มขึ้นของ NIM ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 4.3% หลังต้นทุนทางการเงินลดลง อีกทั้งแนวโน้มการตั้งสำรองฯในปีนี้จะลดลง 28% จากปีก่อน หรือมีการตั้งสำรองฯอยู่ที่ 3.8 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการขยายตัวสินเชื่อในปีนี้ยังคาดว่าจะติดลบ 1-3% จาก 8 เดือนแรกของปีนี้สินเชื่อยังติดลบอยู่ที่ 4.8% จากภาวะการชะลอตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ในประเทศ แต่คาดว่าแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อในช่วงครึ่งปีหลังจะทรงตัวหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากครึ่งปีแรก เพราะรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรกเริ่มครบกำหนด 5 ปีแล้ว อาจจะส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ขณะที่คาดว่าแนวโน้มการพลิกลับมาเป็นบวกของสินเชื่อนั้นอาจจะเห็นในปี 60 โดยประเมินว่าจะขยายตัวได้ราว 5% จากยอดขายรถยนต์ในประเทศที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว รวมทั้งการเติบโตของสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและมีคุณภาพหนี้ที่ดีมาก โดยที่ผ่านมาสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์เติบโตไม่ต่ำกว่า 30-50%
ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน คาดการณ์ว่า กำไรสุทธิของ TISCO ในไตรมาส 3/59 จะเติบโตราว 56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 1.26 พันล้านบาท เนื่องจากการตั้งสำรองฯที่ลดลงจากแนวโน้มของ NPL ที่ลดลง โดยคาดว่า NPL จะอยู่ที่ระดับ 3% นอกจากนี้รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยก็จะกลับมาเติบโตได้ โดยเฉพาะรายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการในตลาดทุนที่มีการเติบโตที่ดี ช่วยหนุนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 คาดว่ากำไรสุทธิจะทรงตัวจากไตรมาส 3/59 เพราะค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นจากช่วงฤดูกาลอาจจะกดดันการทำกำไรอยู่บ้าง แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากจาก NIM ที่คาดยังอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาส 3/59 เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่ลดลงอีกเล็กน้อย ประกอบกับ สินเชื่อทีจำนำทะเบียนรถยนต์ที่ให้ผลตอบแทนสูงยังคงเติบโตได้ดี
นอกจากนี้ แนวโน้มการตั้งสำรองในไตรมาส 4/59 คาดว่าจะลดลง หลังคุณภาพหนี้เริ่มดีขึ้น ช่วยให้กำไรในไตรมาส 4/59 จะทรงตัวจากไตรมาส 3/59 แม้การปล่อยสินเชื่อจะยังคงติดลบก็ตาม ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิในปีนี้จะเติบโตราว 15% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 4.88 พันล้านบาท