นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดุสิต อินเตอร์เนชั่นแนล บมจ.ดุสิตธานี (DTC) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผน 5 ปี (ปี 60-64) ในเรื่องของการลงทุน เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตในอนาคต การวางเป้าหมายการเติบโตของผลการดำเนินงาน และการวางแผนใช้งบลงทุน โดยจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์อด) ในช่วงเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมปีนี้
โดยเป้าหมายเบื้องต้นของแผน 5 ปี (ปี 60-64) ที่ได้พิจารณาไว้แล้วนั้น บริษัทตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนโรงแรมที่เป็นโรงแรมของบริษัทเองและโรงแรมที่บริษัทรับจ้างบริหารให้เพิ่มเป็นกว่า 70 แห่ง และมีจำนวนห้องพักทั้งหมดกว่า 14,000 ห้อง ภายในปี 64 จากปัจจุบันบริษัทมีจำนวนโรมแรมทั้งที่บริษัทเป็นเจ้าของเองและรับจ้างบริหารให้ทั้งหมด 26 แห่ง จำนวนห้องพักทั้งหมดในปัจจุบันอยู่ที่ 7,000 ห้อง ซึ่งโรงแรมทั้ง 26 แห่ง ในปัจจุบัน แบ่งเป็น โรงแรมที่บริษัทเป็นเจ้าของเอง 10 แห่ง และโรงแรมที่บริษัทรับจ้างบริหาร 16 แห่ง
อีกทั้งปัจจุบันบริษัทได้มีการเซ็นสัญญารับจ้างบริหารโรงแรมในต่างประเทศแล้วจำนวน 50 แห่ง ใน 21 ประเทศ ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการในอนาคต ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง และแอฟริกา อีกทั้งบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อขยายธุรกิจโรงแรมไปในยุโรปเพิ่มเติม โดยแนวทางการขยายโรงแรมให้เพิ่มขึ้นจะมีทั้งการที่บริษัทลงทุนเอง การเข้าไปถือหุ้นของโรงแรมร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่น การเข้าซื้อโรงแรม และการรับจ้างบริหารโรงแรม ซึ่งอยู่ในแผน 5 ปี ที่บริษัทกำลังพิจารณาเพื่อเสนอบอร์ดในช่วงปลายปีนี้
ทั้งนี้การขยายธุรกิจโรงแรมตามแผน 5 ปี จะมุ่งขยายในต่างประเทศมากขึ้น เพื่อทำให้สัดส่วนระหว่างโรงแรมในประเทศกับต่างประเทศอยู่ที่ 50:50 จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนระหว่างโรงแรมในประเทศและต่างประเทศอยู่ที่ 70:30 ซึ่งสาเหตุที่บริษัทต้องเพิ่มสัดส่วนโรงแรมในต่างประเทศให้เพิ่มขึ้นนั้นเพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในเรื่องของฤดูกาลท่องเที่ยวที่แต่ละภูมิภาคและแต่ละประเทศมีฤดูกาลท่องเที่ยวที่แตกต่างกัน และกระจายความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจในแต่ละภมิภาคและแต่ละประเทศที่มีความแตกต่างกันทั้งภาวะขาขึ้นและขาลง
“เราต้องการให้บริษัทมีความเสี่ยงในเรื่องของผลการดำเนินงานลดลงและลดการพึ่งพิงการเติบโตในประเทศใดประเทศหนึ่งหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง และสามารถชดเชยและทดแทนรายได้จากประเทศหรือภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบได้ ซึ่งหลักๆแล้วการบาลานซ์พอร์ตโรงแรมเป็นเรื่องของการกระจายความเสี่ยงของบริษัท เพราะธุรกิจโรงแรมมีความผันผวนอยู่ตลอดเวล"นางศุภจี กล่าว
ส่วนงบลงทุนที่ต้องใช้ในการลงทุนเพื่อให้บรรลุแผน 5 ปีที่บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณางบลงทุนทั้งหมดที่ต้องใช้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในขณะนี้ รวมถึงเป้าหมายผลการดำเนินงานของบริษัทตามแผน 5 ปี ยังอยู่ระหว่างพิจารณาเช่นเดียวกัน ซึ่งเปิดเผยได้แค่เบื้องต้นว่าการเติบโตของรายได้ตามแผน 5 ปี นั้นจะต้องมีการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 5-7% ต่อปี ซึ่งระดับการเติบโตเฉลี่ยที่ 5-7% ต่อปีเป็นการเติบโตด้านรายได้ของบริษัทในอดีตถึงปัจจุบัน
นอกจากนี้ การกระจายความเสี่ยงของบริษัทในอีกด้าน คือ การมองหาการลงทุนในธุรกิจใหม่ (New business) เพื่อกระจายความเสี่ยงของรายได้ที่ปัจจุบันบริษัทมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมเกือบ 100% และเป็นการสร้างการเติบโตที่ต่อยอดขึ้นให้กับบริษัท โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 29 ก.ย. 59 บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยแห่งใหม่ คือ บริษัท พระราม 4 เดเวลอปเม้นท์ จำกัด ทุนจดทะเบียน 100,000 บาท จำนวนหุ้นสามัญ 1,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 100 บาท โดย DTC ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวในสัดส่วน 99.70%
สำหรับการจัดตั้งบริษัทย่อย บริษัท พระราม 4 เดเวลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อเป็นการรองรับการลงทุนในธุรกิจใหม่ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศีกษาอยู่ ซึ่งแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่จะอยู่ในแผน 5 ปีด้วยเช่นกัน ซึ่งธุรกิจใหม่ที่อยู่ระหว่างการศึกษาและจะใช้บริษัท พระราม 4 เดเวลอปเม้นท์ จำกัด เป็นผู้ดำเนินงานนั้น ได้มองถึงตัวอย่างโครงการที่สนใจทำ อย่างเช่น โครงการพัฒนาอาสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัย โครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าประเภทเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ โครงการอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูส (Mix used) โครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยของผู้สูงอายุ และโครงการศูนย์สุขภาพ (Wellness centre) คาดได้เห็นภายใน 12-18 เดือนข้างหน้า โดยการลงทุนในธุรกิจใหม่บริษัทคาดว่าจะมีการร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศหรือต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันได้มีการเจรจากับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศไปบ้างแล้ว แต่ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนใดๆ ซึ่งหากได้ความชัดเจนจากพันธมิตรที่จะเข้ามาร่วมมือกับบริษัทแล้วนั้น การลงทุนจะเป็นรูปแบบการตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint venture) หรือการเพิ่มทุนในบริษัท พระราม 4 เดเวลอปเม้นท์ จำกัด เพื่อให้พันธมิตรเข้ามาถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันเป็นเรื่องที่บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทั้งหมด เพราะเป็นเรื่องที่จะอยู่ในแผน 5 ปี ที่จะนำเสนอบอร์ดในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งทำให้ปัจจุบันสามารถบอกรายละเอียดได้เพียงเบื้องต้นเท่านั้น “การลงทุนในธุรกิจใหม่เป็นอีกแนวทางหนึ่งในการ Diversify รายได้ของบริษัทมีหลากหลายช่องทางมากขึ้น จากปัจจุบันที่บริษัทมีรายได้จากจากธุรกิจโรงแรมเกือบ 100% ซึ่งธุรกิจใหม่ก็เป็นหนึ่งแนวทางในการลดความเสี่ยงและต่อยอดธุรกิจเพื่อการเติบโตในอนาคต ซึ่งธุรกิจใหม่นี้เราก็ได้ตั้งบริษัทย่อยใหม่ คือ บริษัท พระราม 4 เดเวลอปเม้นท์ จำกัด มาเพื่อรองรับ โดยการลงทุนในธุรกิจใหม่เราก็คงหาพันธมิตรทั้งจากในหรือต่างประเทศเข้ามาร่วมมือช่วยเราพัฒนา ซึ่งก็มีคุยๆกันอยู่ตอนนี้ แต่ยังขอไม่เปิดเผย ซึ่งการพันธมิตรมานั้นอาจจะเป็นการร่วมบริษัทร่วมทุน หรือให้เขาเข้ามาถือหุ้นในบริษัท พระราม 4 เดเวลอปเม้นท์ จำกัด โดยเราจะต้องเพิ่มทุนเพื่อให้เขาเข้ามาถือ ส่วนโครงการที่จะลงทุนนั้นก็ศึกษาอยู่ไม่ว่าจะเป็นโครงการ Resident, Service Apartment, โครงการ Mixed used และบ้านผู้สูงอายุ พร้อมกับศูนย์สุขภาพ ซึ่งเราก็ศึกษากันอยู่ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ในตอนนี้ว่าจะเป็นอะไร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะอยู่ในแผน 5 ปีที่จะนำเสนอบอร์ดในปลายปีนี้ พร้อมตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ของธุรกิจใหม่เพิ่มเป็น 10% ของรายได้รวม "นางศุภจี กล่าว
ด้านธุรกิจการศึกษานั้นบริษัทไม่ได้มุ่งหวังการสร้างผลตอบแทนคืนให้กับบริษัทมากนัก แต่เป็นการลงทุนเพื่อการสร้างและพัฒนาบุคคลากรในสายอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการโรงแรมให้มีศักยภาพมากขึ้นและมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจท่องเที่ยวที่มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะปัจจุบันบุคคลากรที่มีความรู้ความชำนาญในเกี่ยวกับธุรกิจการโรงแรมถือว่ามีจำนวนไม่เพียงพอ ซึ่งมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยส่งเสริมและผลิตบุคคลากรด้านการโรงแรมให้มีจำนวนมากขึ้น พร้อมกับศักยภาพและความสามารถในการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบันธุรกิจการศึกษาของบริษัทมี 3 แห่ง คือ วิทยาลัยดุสิตธานี ศรีนครินทร์ โรงเรียนดุสิตธานีการโรงแรม ถนนเพชรบุรี และโรงเรียนสอนการประกอบอาหาร เลอ กอร์ ดอง เบลอ ดุสิต ที่เป็นการร่วมทุนกับสถาบัน เลอ กอร์ ดอง เบลอ จากฝรั่งเศส