"สมคิด"สั่ง ก.ล.ต.เพิ่มช่องทางระดมทุนสตาร์ทอัพกำหนดต้องชัดเจนภายใน 3 เดือน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 3, 2016 14:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการหารือและมอบนโยบายให้คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เช้าวันนี้ว่า ได้มอบนโยบายแก่ ก.ล.ต.ให้หาแนวทางการพัฒนาตลาดทุนให้สอดคลองกับภาวะทั่วโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยได้ให้แนวคิดเกี่ยวกับการทำให้ตลาดทุนเป็นแหล่งระดมทุนที่ตอบสนองต่อธุรกิจขนาดเล็ก และครอบคลุมทุกอุตสาหกรรมมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางระดมเงินทุนในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนให้บริษัทเหล่านี้สามารถเติบโตและเป็นส่วนช่วยให้ตลาดทุนมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย ซึ่งจะเน้นกลุ่มธุรกิจนวัตกรรม ประเภทบริษัทสตาร์ทอัพ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้ ก.ล.ต.หาช่องทางระดมทุนต่าง ๆ รวมไปถึงการสนับสนุนและเข้าไปดูแลเพื่อให้บริษัทสตาร์ทอัพเติบโตอย่างแข็งแรงและรวดเร็ว อาทิ การตั้งเวนเจอร์ แคปปิตอล หรือ แองเจิ้ล ฟันด์ เนื่องจากปัจจุบันทั้งตลาดหลักทรัพย์ (SET) และตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ถูกผลักดันยกระดับการรับกิจการทั้ง SME และบริษัทที่มีขนาดใหญ่ขึ้น จะเห็นได้จากการปรับเกณฑ์ให้บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาด mai ต้องมีทุนจดทะเบียนสูงถึง 50 ล้านบาท ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่กว่าสตาร์ทอัพมาก

ดังนั้น จึงควรหาช่องทางอื่นเพิ่มเติมให้กับสตาร์ทอัพ เพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต เนื่องจากธุรกิจสตาร์ทอัพมีทุนค่อนข้างต่ำ และมีความเสี่ยงสูง ซึ่งต้องเตรียมพร้อมในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุน ด้านกฎหมาย และการกำกับดูแลที่มีความเหมาะสม โดยให้ ก.ล.ต.ใช้เวลาอย่างรวดเร็วในการเตรียมตัว จึงกำหนดเวลา 3 เดือนให้นำข้อสรุปไปหารือกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) และกลุ่มทุนต่าง ๆ ให้เข้าใจในการลงทุนกับสตาร์ทอัพ

นายสมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาทาง ก.ล.ต. ได้ดำเนินนโยบายกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะการดำเนินการด้านธรรมาภิบาล ความโปร่งใส ประสิทธิภาพ และประสิทธิผลในการพัฒนาตลาดทุนให้ตอบสนองทิศทางการพัฒนาและนโยบายของประเทศ ดังนั้น จึงมอบนโยบายเพิ่มเติมให้ผลักดันตลาดทุนไทยให้เป็นศูนย์กลางการระดมทุนของกลุ่ม CLMV

นอกจากนั้น ปัจจุบัน รัฐบาลได้มอบหมายให้ รมว.คลัง ทำหน้าที่เป็นประธานจัดการประชุมหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับตลาดเงินและตลาดทุนเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างรวดเร็วทันต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาทิ การพัฒนา fin tech ที่จะมีผลกับตลาดเงินและตลาดทุนมากขึ้นในอนาคต จำเป็นต้องตั้งคณะทำงานเข้ามาดูแลร่วมกันเพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างสอดคล้องและรวดเร็ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ