นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู (BANPU) คาดว่าราคาขายถ่านหินของบริษัทในปี 60 จะสูงกว่าราคาขายเฉลี่ยในปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ราว 50 เหรียญสหรัฐ/ตัน หลังราคาถ่านหินในปัจจุบันได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วและได้ขยับขึ้นมาถึงระดับ 78-80 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากปริมาณการผลิตของโลกที่เคยล้นตลาดเริ่มเข้าสู่ภาวะสมดุลมากขึ้น
ขณะที่บริษัทได้ชะลอการขายถ่านหินล่วงหน้าสำหรับปีหน้าออกไปเป็นในช่วงปลายไตรมาส 4/59 หรือต้นไตรมาส 1/60 เพื่อรอดูทิศทางของราคาขายถ่านหินที่แน่นอน จากเดิมที่ในช่วงนี้จะเริ่มมีการขายถ่านหินล่วงหน้าบางส่วนแล้ว
สำหรับปริมาณขายถ่านหินในปี 60 น่าจะใกล้เคียงกับปีนี้ที่ระดับ 45.4 ล้านตัน เนื่องจากบริษัทจะเน้นในเรื่องการลดต้นทุนการผลิตเป็นหลักมากกว่าการเร่งเพิ่มปริมาณการผลิตถ่านหิน ในช่วงที่ราคาถ่านหินไม่ได้สูงมากนัก
"แนวโน้มราคาถ่านหินในปีหน้าเป็นบวก น่าจะอยู่ระดับใกล้เคียงขณะนี้ที่ราคาในตลาดอยู่ที่ 78-80 เหรียญสหรัฐต่อตัน เพราะ supply มีการบริหารจัดการที่ดี supply ที่เคยล้นตลาดก็เริ่มสมดุลมากขึ้น"นางสมฤดี กล่าว
นางสมฤดี คาดว่าผลการดำเนินงานในปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิ จากที่ขาดทุนสุทธิ 1.53 พันล้านบาทในปีก่อน โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้ก็สามารถทำกำไรสุทธิได้แล้ว 98 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงไตรมาส 4/59 บริษัทจะยังได้รับประโยชน์จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากมีปริมาณถ่านหินที่รอขายในไตรมาสนี้ราว 10 ล้านตัน
ส่วนการที่ บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) จะนำเงินจากการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) มาชำระคืนหนี้แก่บริษัทเป็นเงินกว่า 1 หมื่นล้านบาทนั้น บริษัทก็จะนำไปชำระคืนหนี้ ซึ่งจะทำให้ลดภาระจ่ายดอกเบี้ยได้ราว 300-500 ล้านบาท/ปี