นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัด บมจ.สัมมากร (SAMCO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าบริษัทจะมีรายได้อยู่ 1.6-1.7 พันล้านบาท โดยบริษัทวางแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าเบื้องต้นจำนวน 3 โครงการ แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 2 โครงการ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับสำหรับการพัฒนาแล้ว 2 แปลง ในทำเลกรุงเทพฯด้านตะวันออกและตะวันตก และอีก 1 โครงการคอนโดมิเนียมที่บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาหาทำเลในกรุงเทพฯตามแนวรถไฟฟ้า หรือบริษัทอาจจะนำที่ดินที่พัทยา 25 ไร่ กลับมาพัฒนาอีกครั้ง หลังจากที่บริษัทชะลอการพัฒนาออกไป เนื่องจากไม่มั่นใจสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพัทยาที่มีจำนวนซัพพลายล้นตลาดในช่วงก่อนหน้านี้
"ที่ดินที่พัทยา 25 ไร่ ตอนนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาอยู่ว่าจะนำกลับพัฒนาอีกครั้งในปีหน้าไหม เพราะสถานการณ์ของตลาดอสังหาฯ ในพัทยาเริ่มกลับมาดีขึ้นแล้วหลังจากช่วงก่อนหน้านี้ซัพพลายล้น ทำให้เราชะลอการพัฒนาออกไป ส่วนรูปแบบโครงการก็ยังเป็นโครงการคอนโดมิเนียมเหมือนเดิม โดยโครงการนี้จุดประสงค์เราเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยแห่งที่ 2 ใช้สำหรับการพักผ่อน ซึ่งเป็นลูกค้าคนไทยและต่างชาติ ซึ่งแผนของโครงการที่พัทยาเราตั้งเป้าไว้ว่าจะรับรู้รายได้ไนปี 62 ก็อาจจะต้องพัฒนาในปีหน้า แต่ขอดูอีกทีว่าจะสรุปออกมาอย่างไร"นายกิตติพล กล่าว
ขณะที่งบซื้อที่ดินในปี 60 บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 1 พันล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการซื้อที่ดินรองรับการเปิดโครงการในปี 61 จำนวน 3 แปลง โดยยังเน้นทำเลในกรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อที่มาพัฒนาโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยเฉพาะทำเลในกรุงเทพฯทั้งตามแนวรถไฟฟ้าและในโซน CBD ที่บริษัทต้องการหาทำเลที่จะมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ส่วนทำเลตามแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงบริษัทยังคงชะลอการลงทุนในทำเลบริเวณนั้นไปก่อน เพราะมีจำนวนซัพพลายที่ล้นมาก และการขายที่เป็นไปอย่างล่าช้า จะเห็นได้จากโครงการคอนโดมิเนียม เอสเก้า รัตนาธิเบศร์ ที่มียอดขายและยอดโอนเข้ามาเพียง 50% ซึ่งทำให้บริษัทต้องเลื่อนเป้าหมายการปิดโครงการออกไปเป็นปี 60 จากเดิมที่คาดว่าจะปิดการขายในปี 59
ส่วนปีนี้บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 3.2 พันล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยวชัยพฤกษ์- แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาท โครงการบ้านเดี่ยว ไพร์ม 7 รังสิต-นครนายก มูลค่าโครงการประมาณ 700 ล้านบาท และโครงการทาวน์โฮม รามอินทรา-วงแหวน มูลค่าโครงการ 1.3 พันล้านบาท โดยมียอดจองทั้ง 3 โครงการแล้วราว 40% ด้านมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ของบริษัทในปัจจุบันอยู่ที่กว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้เกือบทั้งหมด และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 60
ขณะที่บริษัทเตรียมเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เพียวสัมมากร ดีเวลลอปเม้นท์ (PSDC) จากบมจ.อาร์พีซีจี (RPC) ในสัดส่วนทั้งหมด 45% ซึ่งปัจจุบันบริษัทถือหุ้น PSDC ในสัดส่วน 55% และหลังการเข้าซื้อหุ้นแล้วเสร็จบริษัทจะถือหุ้น PSDC ทั้งหมด 100% ซึ่งการเข้าซื้อหุ้น PSDC นั้น แหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินมูลค่า 160 ล้านบาท โดยบริษัทจะทำการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 20 ต.ค. นี้ และคาดกระบวนการแล้วเสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้ ซึ่งการเข้าถือหุ้น PSDC ในสัดส่วน 100% จะทำให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจให้เช่าพื้นที่เพิ่มขึ้นอย่างนัยสำคัญ สำหรับในวันนี้บริษัทได้เข้าร่วมงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 โดยมอบข้อเสนอพิเศษกระตุ้นการตัดสินใจของลูกค้า โดยโครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ และโครงการสัมมากร รังสิต-นครนายก แถมแอร์ฟรีทั้งหลังพร้อมของแถมรวมมูลค่ากว่า 9 แสนบาท ส่วนโครงการ สัมมากรรามอินทรา-วงแหวน แถมฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน สำหรับโครงการคอนโดติดรถไฟฟ้าสายสีม่วง เอสเก้า คอนโดมิเนียม รัตนาธิเบศร์ เปิดให้ลูกค้าสามารถเลือกห้องทุกชั้นในราคาเพียง 1.3X ล้านบาท ด้านโครงการที่ใกล้ปิดโครงการ มอบส่วนลดเป็นล้าน โปรโมชันพิเศษนี้ เฉพาะลูกค้าในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 35 บูธสัมมากร P52-53 และ P56-57 โซนพลาซ่า ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถปิดยอดขายภายในงานได้ 100 ล้านบาท