นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คงจะแกว่งตัวในกรอบจำกัด เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ประกอบกับนักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิเมื่อวานนี้ด้วย อีกทั้งค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯก็แข็งค่าขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯน่าจะดีขึ้น แต่ก็ยังต้องรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯในคืนนี้ด้วยว่าจะออกมาเป็นอย่างไรบ้าง หากออกมาดีก็มีโอกาสสูงที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้น จากข่าวที่จะมีการประชุมอย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มโอเปก ซึ่งจะจัดขึ้นอีกครั้งในวันที่ 8-13 ต.ค.นี้ ที่เมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี เพื่อหารือกันเกี่ยวกับรายละเอียดของข้อตกลงในการกำหนดเพดานการผลิตน้ำมันของแต่ละประเทศ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่จะติดลบเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,505 จุด ส่วนแนวต้าน 1,515-1,520 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,268.50 จุด ลดลง 12.53 จุด (-0.07%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,306.85 จุด ลดลง 9.17 จุด (-0.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,160.77 จุด เพิ่มขึ้น 1.04 จุด (+0.05%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 15.98 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 3.55 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.35 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.65 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 5.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 2.21 จุด
ส่วนตลาดหุ้นจีน ปิดทำการวันนี้ (7 ต.ค.) เนื่องในวันหยุดเฉลิมฉลองวันชาติ
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ต.ค.59) 1,513.86 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด (+0.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 463.60 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ต.ค.59) ปิดที่ 50.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 61 เซนต์ หรือ 1.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย.ปีนี้
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ต.ค.59) ที่ 4.97 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 34.86 แนวโน้มยังอ่อนค่าหลังเงินไหลออก-รอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐคืนนี้
- "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" รองนายกรัฐมนตรี กล่อมฝรั่งเศสลงทุนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก (อีอีซี) 23 บริษัทใหญ่ แอร์บัส มิชลิน ธนาคารบีเอ็นพี สนใจ เล็งเข้าพบบิ๊กตู่ 13 ต.ค.นี้
- "วิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ" รมช.คลัง เผยได้มอบหมายให้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เร่งศึกษาการจัดเก็บภาษีสิ่งปลูกสร้างตามแนวรถไฟฟ้า เนื่องจากรัฐบาลได้พัฒนาและเชื่อมโยงด้านคมนาคมระหว่างเมืองและชนบท โดยรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ มี 12 เส้นทาง คาดจะแล้วเสร็จในปี 2564 เมื่อรวมกับเส้นทางในต่างจังหวัด ทำให้ตามแนวเส้นทางต่างๆ เกิดการพัฒนาและเชื่อมโยงไปด้วย ส่งผลให้รัฐบาลมีแนวคิดที่จะจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม เพราะผู้ประกอบการได้รับประโยชน์จากการพัฒนา
- มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังไม่รุนแรง โดยในพื้นที่ 10 จังหวัดที่เกิดน้ำท่วมคาดว่าความเสียหายไม่เกิน 1,000 ล้านบาท กระทบต่อจีดีพีไม่เกิน 0.05% แต่ทั้งนี้ต้องติดตามสถานการณ์ในเดือน ต.ค.นี้ว่าจะรุนแรงขึ้นหรือไม่
- อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า วันที่ 7 ต.ค. นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ จะเป็นประธานประชุมหารือร่วมกับเอกชนรายใหญ่ 3 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มยานยนต์ อาหาร อัญมณีและเครื่องประดับ เพื่อหารือถึงการผลักดันการส่งออกในช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 2559 รวมทั้งวางแผนส่งออกในปี 2560
- ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายสถาบันการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีสินเชื่อรายย่อยเพื่อนำไปประกอบอาชีพ หรือนาโนไฟแนนซ์ ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้เข้ามาอยู่ในระบบได้ เพราะมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดทำให้ประชาชนเข้าไม่ถึง ต้องหันไปพึ่งหนี้นอกระบบว่า การแก้ไขปัญหาสินเชื่อนอกระบบต้องดูแลเป็นองค์รวม ทั้งในแง่ประชาชนผู้ใช้บริการ หรือผู้กู้ และบริษัทผู้ให้บริการ หรือผู้ให้กู้ โดยเท่าที่ผ่านมาทางการได้มีการเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้กู้ด้วยการเพิ่มบริการนาโนไฟแนนซ์เพื่อให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อีกทาง
- ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) หรือเอ็กซิมแบงก์ เปิดเผยว่า ช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีผู้ส่งออกยื่นขอรับค่าสินไหมทดแทนกับ ธสน.วงเงิน 12.55 ล้านบาท สาเหตุจากผู้ซื้อไม่ชำระเงินค่าสินค้า 98% และผู้ซื้อล้มละลายอีก 2% โดยประเภทสินค้าแบ่งตามมูลค่า ประกอบด้วย เป็นข้าว 50% อาหารกระป๋อง 20% เส้นไหมสำหรับทอพรม 15% อัญมณีและเครื่องประดับ 12% และยางรถยนต์ 3% หากแบ่งตามประเทศผู้ซื้อ ได้แก่ เยอรมนี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหรัฐอเมริกา และนอร์เวย์
*หุ้นเด่นวันนี้
- BBL (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 192 บาท คาดกำไร 3Q59 ทรงตัวที่ 9.32 พันลบ. +2.9%YoY +30%QoQ จาก ธ.พ. 1.1 เดือนส.ค.59 สินเชื่อหดตัว -1% นับจากเดือนมิ.ย.59 ทำให้คาดว่าสินเชื่อใน 3Q59 จะเติบโตได้ราว +0.3%QoQ แต่ NIM ยังเพิ่มขึ้นจาก 2.16% สู่ระดับ 2.25% จากการบริหาร Cost of Fund และ CASA ที่ดีขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้ Net Interest Income ทรงตัวที่ 1.6 หมื่นลบ. +10.3%YoY, +2.2%QoQ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นที่ 6.5 พันลบ. +8.0%YoY, +8.6%QoQ ในขณะที่ Non-Interest Income ปรับตัวดีขึ้นจาก FX Gain และ Investment Gain ส่งผลให้ Cost to Income ปรับตัวลงจากระดับ 46% ใน 2Q59 มาที่ระดับ 45% พร้อมคงประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2559 ที่ 3.42 หมื่นลบ.
- TU (ฟันันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 26 บาท แนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q59 โตทั้ง Q-Q และ Y-Y เพราะเป็น High Season แต่การเติบโตอาจไม่ตื่นเต้น โดยคาดว่า +10.4% Q-Q, +3.7% Y-Y เพราะราคาวัตถุดิบสูงขึ้น Y-Y ขณะที่ราคาปลาทูน่าปรับลง Q-Q ลูกค้าบางส่วนจึงชะลอคำสั่งซื้อ ทำให้ยังคาดกำไรสุทธิปีนี้ +13.2% Y-Y ปีหน้า +21.7% Y-Y จากธุรกิจทูน่า กุ้ง และแซลมอน ที่ดีขึ้น และรวมผลประกอบการของ Rugen Fish (ปลากระป๋องในเยอรมนี) และ Chez Nous (ล็อบสเตอร์ในแคนาดา) เต็มปี
- CPF (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดผลประกอบการจะสูงที่สุดในช่วง 3Q59 เนื่องจาก 1) ราคาไก่ที่อยู่ในระดับสูงจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากการนำเข้าไก่จากญี่ปุ่น และผลกระทบของการห้ามนำเข้าไก่ปู่ย่าพันธุ์จากสหรัฐตั้งแต่ต้นปี 2558 จากโรคระบาดไข้หวัดนก 2) ธุรกิจกุ้งที่เริ่มฟื้นตัว และ 3) ต้นทุนอาหารสัตว์ที่อยู่ในระดับต่ำ
- PTT (ไอร่า) เป้า 394 บาท คาดในปี 59 มีกำไรสุทธิ 93,541 ล้านบาท จากราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นและผลการดำเนินงานธุรกิจก๊าซของ PTT ที่ฟื้นตัวโดดเด่น ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล คาดส่งผลดีต่อผลการดำเนินงานของ PTTEP