นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ายอดขายในปีนี้จะทำได้มากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.8 พันล้านบาท หลังจาก 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัททำยอดขายได้แล้วราว 3 พันล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการให้การตอบรับที่ดีจากลูกค้าที่ซื้อโครงการของบริษัท โดยเฉพาะโครงการที่เปิดใหม่ในปีนี้นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมองว่าความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีอยู่มาก โดยเฉพาะโครงการแนวราบที่ปัจจุบันบริษัทเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบเป็นส่วนใหญ่ คิดเป็นสัดส่วนกว่า 90% ของโครงการที่พัฒนาทั้งหมด
อีกทั้งระหว่างการใช้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ไนช่วงต้นปีที่ผ่านมา บริษัทได้ผลบวกจากมาตรการดังกล่าว เนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาซื้อที่อยู่อาศัยที่บริษัทพัฒนาเพิ่มมากขึ้น แต่หลังจากหมดมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว จะเห็นว่ายอดขายเริ่มชะลอลงบ้างเล็กน้อย อย่างไรก็ตามโครงการที่บริษัทเปิดใหม่อาจจะตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในปัจจุบันได้ แต่บริษัทยังไม่มีการกำหนดเป้าหมายยอดขายใหม่แม้ยอดขาย 9 เดือนที่ผ่านมาบริษัททำได้ทะลุเป้าแล้วก็ตาม
นอกจากนี้บริษัทยังได้มีการออกบูธในงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 6-9 ตุลาคม 59 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยนำโครงการที่อยู่อาศัยกว่า 40 โครงการ ให้ผู้บริโภคได้เลือกจับจองบนหลากหลายทำเลศักยภาพ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุดที่จะมอบให้เฉพาะลูกค้าที่จองภายในงาน ทางบริษัทมีแคมเปญสุดคุ้ม “Lalin Mission 007 ภารกิจแรงส่งท้ายปี" รับสิทธิ 0 คือ ฟรีค่าทำสัญญา, 0 คือ ฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน และ 7 คือ จะได้รับเพิ่ม iPhone7 ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับกระแสตอบรับจากผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัยเป็นอย่างท่วมท้น โดยตั้งเป้ามียอดขายจากงานดังกล่าว 200-300 ล้านบาท
ส่วนในไตรมาส 4/59 บริษัทเตรียมเปิดโครงการแนวราบในกรุงเทพฯและปริมณฑลที่เหลืออีก 1 โครงการ ซึ่งเป็นทั้งโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ภายในโครงการเดียวกัน มูลค่าโครงการ 600-700 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทสามารถเปิดโครงการได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ทั้งหมด 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4 พันล้านบาท
ด้านรายได้ของบริษัทในปีนี้ยังมั่นใจว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.4 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท และยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมดที่จะรอรับรู้ในช่วงที่เหลือของปีนี้อีกเกือบ 1 พันล้านบาท ซึ่งเป็น Backlog ทั้งหมดที่บริษัทมีอยู่ในปัจจุบัน โดยส่วนใหญ่จะทยอยโอนไนไตรมาส 4/59 ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทในแง่ของรายได้และยอดขายในไตรมาส 4/59 จะมีความโดดเด่นมากขึ้น เพราะเป็นช่วงปลายปีที่ลูกค้าจะมีการซื้อและการโอนมากขึ้นจากช่วงไตรมาสก่อนหน้า
ขณะที่ไตรมาส 4/59 บริษัทจะออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่จะครบกำหนดอายุมูลค่า 300-400 ล้านบาท โดยหุ้นกู้ชุดใหม่จะออกมาทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมในมูลค่าที่เท่ากัน อายุหุ้นกู้ 3 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต