นายสมิทธ์ พนมยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ.ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นในอนาคต เพราะปัจจัยทางเศรษฐกิจไทยที่มีการเติบโตที่ดี การส่งออกที่มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นบวกได้ การบริโภคไนประเทศที่มีการขยายตัวขึ้น และภาวะหนี้สินครัวเรือนที่ลดลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะทำให้ตลาดหุ้นไทยขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ และในส่วนของนักลงทุนต่างประเทศนั้นก็ยังมองตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในตลาดหุ้นที่ยังดีอยู่ จากปัจจัยการลงทุนภาครัฐที่เริ่มมีความชัดเจน และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามในระยะสั้นช่วง 2-3 วันนี้ ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงสะท้อนปัจจัยลบในประเทศ หลังจากที่ช่วงเปิดตลาดเช้านี้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลง 50 จุด โดยในช่วงนี้แนะนำนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุน เพราะเป็นช่วงที่ตลาดหุ้นไทยยังมีความผันผวน โดยนักลงทุนจะต้องจับตาดูสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และจับจังหวะในการซื้อหรือปรับพอร์ตโดยการขายทำกำไรออกไปในจังหวะที่เหมาะสม
"ตอนนี้นักลงทุนควรระมัดระวังและนิ่ง ๆ ไว้ก่อน เพราะตลาดยังมีความผันผวน ซึ่งต้องจับจังหวะการลงทุนให้เหมาะสม ผมมองว่าช่วงนี้ดัชนีอาจจะลงไปในช่วง 2-3 วัน สะท้อนปัจจัยในประเทศ ตอนนี้ถ้านักลงทุนจะเข้าซื้อหรือปรับสัดส่วนพอร์ต หรือขายทำกำไรก็ควรจับจังหวะดี ๆ และดูสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดหุ้นไทยก็ยังมีความผันผวน แต่จะรอสักพักก็ได้ รอจังหวะที่ตลาดนิ่ง ๆ ให้ผ่านช่วงขาลงไปก่อน ค่อยมาตัดสินใจลงทุน"นายสมิทธิ์ กล่าว
นายสมิทธิ์ กล่าวอีกว่า สำหรับปัจจัยต่างประเทศที่นักลงทุนจะต้องติดตาม เพราะจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหุ้น คือ การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯในเดือนพฤศจิกายนนี้ และแนวโน้มการตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่คาดว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงเดือนธันวาคมนี้