นายเผดิมภพ สงเคราะห์ กรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการเงินทุนบุคคล บล.กสิกรไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 60 จะเคลื่อนไหวในลักษณะ Sideway โดยมองกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 1,335-1,540 จุด บนระดับ P/E ที่ 13 และ 15 เท่า เทียบกับปีนี้ที่มองว่าระดับดัชนีสิ้นปีน่าจะอยู่ที่ 1,530 จุด
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 60 มองว่าหากมีปัจจัยใดที่รุนแรงมากระทบ ดัชนีจะไม่หลุดแนวรับที่ 1,335 จุด ส่วนการปรับตัวขึ้นนั้นก็คงจะค่อนข้างลำบาก เพราะยังมีปัจจัยกดดันทั้งปัจจัยในประเทศและต่างประเทศ โดยในต่างประเทศนั้นก็เป็นเรื่องของความกังวลของเศรษฐกิจโลก แม้ว่ายังสามารถเติบโตไปได้แต่อัตราการเติบโตยังค่อนข้างช้า
ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศคือการเร่งลงทุนของภาครัฐบาลซึ่งจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงต้นปีเศรษฐกิจก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นมาก แต่ก็อาจจะเห็นการไหลออกจากกระแสเงินทุนจากต่างชาติที่กดดัน เห็นได้จากค่าเงินบาทที่ปรับตัวอ่อนลงในขณะนี้ ซึ่งนักลงทุนต่างชาติที่เห็นการไหลออกที่ชัดเจนน่าจะเป็นสหรัฐฯ แต่ยังมีนักลงทุนในยุโรป และนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่ยังมีความสนใจ เพราะหากนักลงทุนใน 2 ส่วนนี้จะมีการขายหุ้นออกมา แต่มองว่าน่าจะน้อยกว่าส่วนอื่น
“เรามองดัชนีปีหน้าว่าน่าจะอยู่ในกรอบที่ 1,335-1,540 จุด บน P/E ที่ 13 และ 15 เท่า ซึ่งมองว่าหากมีปัจจัยลบรุนแรงมากระทบดัชนีก็จะไม่หลุดแนวรับที่ 1,335 จุด ซึ่งในช่วงที่หุ้นลงไประดับนั้น เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเข้าซื้อ เนื่องจาก P/E ตลาดรวมลดลงไปที่ 13 เท่า ซึ่งเรามองว่าราคาเหมาะสม และถูก ซึ่งเราก็คงปรับพอร์ตการลงทุนเป็นสัดส่วนหุ้นมากขึ้น จากปัจจุบันเราปรับมาเป็นลงทุนในหุ้นแล้ว 40% ในวันนี้ จากช่วงก่อนหน้านี้อยู่ที่ 40% เนื่องด้วยปัจจัยพื้นฐานของประเทศที่ยังดีอยู่ การปรับลดลงจึงไม่น่ากังวล"นายเผดิมภพ กล่าว
ทั้งนี้ คาดว่ากำไรต่อหุ้นของบริษัทจะทะเบียนปีนี้จะอยู่ที่ 92.8 บาท และปี 60 จะสูงขึ้นเป็น 102.7 บาท ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่ได้รับปัจจัยบวกจากการบริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น การลงทุนของภาครัฐและเอกชนที่ค่อย ๆ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแนะนำ กลุ่มที่ยังน่าสนใจในการลงทุนคือกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ย โดยแนะนำ บมจ.กรุงเทพประกันชีวิต (BLA) นอกจากนี้ยังแนะนำกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอุปโภคบริโภค เช่น บมจ.เมก้า ไลฟ์ไซแอ็นซ์ (MEGA) ,บมจ. พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) รวมไปถึงกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บมจ.เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) (DELTA) และกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มคอมมูนิตี้ที่สามารถซื้อเก็งกำไรได้ เช่น บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) และ บมจ.ปตท. (PTT)