โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ"หุ้นธนาคารกรุงไทย (KTB) จากแนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/59 จะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็นผลมาจากการตั้งสำรองในไตรมาส 3/59 ลดลงอย่างมาก แต่หากเทียบกับไตรมาสก่อนหน้านั้นมีการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น เพราะหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ยังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว ทำให้กำไรลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมผลการดำเนินงานของ KTB ในปีนี้และปีหน้า ยังมีกำไรขยายตัวโดยเฉพาะในปีหน้าที่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นจากปีนี้ ตามการขยายตัวของสินเชื่อที่จะได้รับอานิสงส์จากงานโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐที่จะออกมามากขึ้น ช่วยให้สินเชื่อรวมของธนาคารในปีหน้าจะกลับมาขยายตัวได้ จากปีนี้ที่สินเชื่อรวมจะติดลบ เพราะภาวะเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว
ราคาหุ้น KTB ล่าสุดเมื่อเวลา 14.56 น. อยู่ที่ 17.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับลดลง 0.18%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เอเชีย เวลท์ ซื้อ 22.00 เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 21.30 กรุงศรี ซื้อ 21.00 ไทยพาณิชย์ ซื้อ 20.00 ทรีนีตี้ ซื้อเมื่ออ่อนตัว 19.50 ฟิลลิป (ประเทศไทย) ทยอยซื้อ 18.40
นายวรุตม์ ศิวะศริยานนท์ กรรมการผู้จัดการสายงานวิจัย บล.เอเชีย เวลท์ คาดว่าแนวโน้มกำไรสุทธิของ KTB ในไตรมาส 3/59 จะอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 39.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 13.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยกำไรที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองที่ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/58 มีการตั้งสำรองพิเศษสำหรับสินเชื่อที่ให้กับบมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี (SSI)
อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง กดดันให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ของธนาคารอ่อนตัวตามไปด้วย ส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3/59 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/59 ลดลง อีกทั้งในปัจจุบันธนาคารยังคงเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่ออยู่ เพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ โดยคาดว่าสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้จะติดลบ 1.6% จากเดิมที่คาดว่าขยายตัวได้ 4%
ด้าน NPL ของธนาคารในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อจากครึ่งปีแรก 3.89% แต่การเพิ่มขึ้นคาดว่าจะอยู่ในอัตราที่ชะลอตัวลง อีกทั้งการตั้งสำรองในปีนี้มีโอกาสที่จะใกล้เคียงหรือสูงกว่าปีก่อน เพราะระดับ NPL ของธนาคารยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจะส่งผลกดดันกำไรของธนาคารทั้งปี 59 ซึ่งได้มีการปรับลดประมาณการณ์กำไรลง 2.6% มาอยู่ที่ 2.84 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ แนวโน้มการเติบโตของกำไรสุทธิของ KTB คาดว่าจะกลับมาดีขึ้นในปี 60 จากแนวโน้มภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ทำให้สินเชื่อมีการขยายตัวมากขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์รวมของธนาคารขยายตัวขึ้น ซึ่งประเมินว่ากำไรสุทธิของ KTB ในปีหน้าจะเติบโต 18.1% จากปีนี้
ด้านนายอดิสรณ์ มุ่งพาลชล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิของธนาคารในไตรมาส 3/59 จะเพิ่มขึ้น 48.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า 8.2% โดยการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ยและรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยยังเป็นไปอย่างจำกัด ประกอบกับสินเชื่อมีแนวโน้มลดลง แต่ธนาคารได้ปัจจัยบวกจากการตั้งสำรองที่ลดลงอย่างมาก ซึ่งคาดว่าไตรมาส 3/59 จะตั้งสำรองอยู่ที่ 8.3 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีการตั้งสำรอง 1.05 หมื่นล้านบาท ซึ่งทำให้กำไรในไตรมาส 3/59 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้น
ขณะที่ NPL ของธนาคารยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่องแต่อยู่ในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยส่วนใหญ่สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อรายใหญ่ยังเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลให้ NPL ของธนาคารเพิ่มขึ้น ซึ่งแนวโน้ม NPL ของธนาคารในไตรมาส 3/59 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 4.1% จากไตรมาส 2/59 ที่ 3.9% โดยในไตรมาส 3/59 ธนาคารต้องตั้งสำรองเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า และส่งผลให้กำไรในไตรมาส 3/59 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/59 ลดลง
สำหรับประมาณการกำไรสุทธิของธนาคารในปีนี้ยังคงคาดว่าอยู่ที่ 3.25 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 14.2% จากปีก่อน โดยในปีนี้สินเชื่อจะยังคงหดตัว และการตั้งสำรองในระดับสูงยังกดดันผลการดำเนินงานของธนาคาร แต่ในปี 60 ประเมินว่ากำไรของธนาคารยังมีแนวโน้มเติบโตได้ 3.1% จากปีนี้ มาอยู่ที่ 3.36 หมื่นล้านบาท
นักวิเคราะห์บล.เคทีบี (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรสุทธิของ KTB ในไตรมาส 3/59 จะเพิ่ม 32% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 19% จากไตรมาส 2/59 ซึ่งแนวโน้มการตั้งสำรองในไตรมาส 3/59 เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/59 ยังมีการเพิ่มขึ้น จากแนวโน้มของ NPL ที่มีทิศทางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่ถ้าเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้นมีการตั้งสำรองที่ลดลง
อย่างไรก็ตามจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า กดดันให้สินเชื่อของธนาคารยังคงหดตัวอย่างต่อเนื่อง โดยประเมินว่าสินเชื่อรวมของธนาคารในปีนี้จะติดลบ 3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัวได้ 3% ซึ่งสินเชื่อของธนาคารในเดือนส.ค.ที่ผ่านมาลดลง 3.3% จากเดือนมิ.ย. ทำให้ประเมินแนวโน้มทั้งปี 59 สินเชื่อจะติดลบ แต่ทั้งนี้หากภาครัฐมีงานโครงการต่าง ๆ ออกมามากขึ้นจะส่งผลบวกให้สินเชื่อในปี 60 มีโอกาสกลับมาขยายตัวได้