นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 117 (KTFF117) อายุ 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 18 ต.ค.59 อายุ 6 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ ประเภทเงินฝากประจำ Bank of China (Macau) , PT BANK RAKYAT INDONESIA (PERSERO) Tbk , Agricultural Bank of CHINA , Ahli Bank QSC และ Qatar National Bank ผลตอบแทนประมาณ 1.45% ต่อปี
นอกจากนี้ ยังอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย อีก 2 กองทุนตราสารหนี้ ประเภท Roll Over ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3 เดือน 1 ( KTSIV3M1) อายุ 3 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 6 เดือน1 (KTSIV6M1) อายุ 6 เดือน เสนอขายถึงวันที่ 14 ต.ค.59 เน้นลงทุนตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝาก ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์ และตราสารหนี้ภาคเอกชน เช่น ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด ธนาคารทิสโก้ บัตรกรุงไทย และหลักทรัพย์เคที ซีมิโก้ เป็นต้น ผลตอบแทนประมาณ 1.30% ต่อปี และ1.35 % ต่อปี ตามลำดับ
สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลในประเทศโดยรวมมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นจากแรงซื้อขายของนักลงทุนต่างประเทศ ส่วนนักลงทุนสถาบันภายในประเทศยังไม่มีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในอัตราผลตอบแทนปัจจุบัน ส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทยและสหรัฐฯ นั้นแคบลง ในขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาดีในระดับหนี่ง ทำให้มีแรงกดดันด้านฝั่งขายมากขึ้น อัตราผลตอบแทนอายุ 5 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.06% อยู่ที่ 1.85% และ 10 ปี ปรับเพิ่มขึ้น 0.1% อยู่ที่ 2.21%
ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลต่างประเทศ ปรับเพิ่มขึ้นจากที่ตลาดนำเรื่องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดมาเป็นปัจจัยอีกครั้ง เหตุผลจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ออกมาถือว่าดีต่อเนื่อง ประกอบกับความกังวลเรื่อง Brexit และ Deutsche Bank ทำให้ค่าเงินดอลล่าร์แข็งค่า พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี และ 10 ปี มีอัตราผลตอบแทนที่ 1.26% และ 1.72% ปรับเพิ่มขึ้น 0.12% ทั้งนี้ ความผันผวนของตลาดตราสารหนี้ยังมีอยู่จากเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเฟด