โบรกเกอร์เชียร์"ซื้อ"หุ้นบมจ.เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ (WORK) จากแนวโน้มธุรกิจดิจิตอลทีวียังเติบโตอย่างต่อเนื่อง และมีเรตติ้งอยู่ในอันดับที่ 3 ของช่องรายการทั้งหมด ขณะที่เชื่อว่าเรตติ้งจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากรายการวาไรตี้ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในช่วงครึ่งหลังปีนี้ ได้แก่ รายการแฟนพันธุ์แท้ 2016, ไมค์หมดหนี้ และไมค์ทองคำ 5 ที่จะออกอากาศในไตรมาส 3/59 และรายการศัลยกรรมพลิกชีวิต ซีซั่น 2 หลังจากที่ซีซั่น 1 ทำเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 4 ,เดี่ยวดวลไมค์ และรายการ The Mask Singer ในไตรมาส 4/59 ซึ่งจะทำให้ WORK สามารถปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาได้อีกมากในอนาคต
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/59 จะสามารถทำกำไรได้ดีที่สุดขงอปีนี้ โดยได้ปัจจัยหนุนจากรายได้ธุรกิจดิจิตอลทีวีที่เพิ่มขึ้นจากอัตราเฉลี่ยค่าโฆษณาที่เพิ่มขึ้น แม้อัตราการจองโฆษณาลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนก็ตาม ขณะที่ต้นทุนค่าผลิตรายการและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ คาดว่าจะทรงตัว
ราคาหุ้น WORK เวลา 14.49 น.อยู่ที่ 30 บาท ลดลง 1.75 บาท (-5.51%)
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) กสิกรไทย ซื้อ 47.00 ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ ซื้อ 45.00 คันทรี่ กรุ๊ป ซื้อเมื่ออ่อนตัว 38.00 บัวหลวง ซื้อ 55.25
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ธุรกิจแพร่ภาพโทรทัศน์ดิจิตอลจะยังเป็นกลไกสำคัญที่ผลักดันให้ WORK ฟื้นตัว และคาดว่าโมเมนตัมความนิยม (เรตติ้ง) ที่ปัจจุบันอยู่ในอันดับ 3 ของช่องรายการทั้งหมด และยังอยู่ในทิศทางขาขึ้นนั้น จะเป็นปัจจัยสำคัญผลักดันการใช้เวลาโฆษณา รวมถึงการขึ้นค่าโฆษณา
ทั้งนี้ การมีส่วนแบ่งคนดู (audience share) ที่สูงกว่าส่วนแบ่งเม็ดเงินโฆษณา (adspend share) ทำให้ค่าโฆษณาของช่องรายการของผู้เล่นใหม่อย่าง WORK ถูกกว่าผู้ประกอบการอะนาล็อคเดิม อีกทั้งเชื่อว่าการมุ่งเน้นไปยังช่วงเวลาก่อนไพรม์ไทม์ (17.00-20.00 น.) โดยใช้รายการที่ได้รับความนิยมสูง เช่น ชิงร้อยชิงล้าน, ไมค์ปลดหนี้, ไมค์ทองคำ, ปริศนาฟ้าแลบ ฯลฯ มาออกอากาศนั้นเป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้อง เนื่องจากช่วงเวลาดังกล่าวมีการแข่งขันที่ต่ำกว่าช่วงไพรม์ไทม์ (20.00-22.30 น.) และยังมีช่องว่างให้แข่งขัน ขณะที่คู่แข่งยากที่จะหารายการที่มีคุณภาพทั้งเนื้อหาและผู้ดำเนินรายการ ที่ทัดเทียมกันมาสู้ในช่วงเวลาดังกล่าว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ WORK จะมีรายการใหม่เข้ามาช่วยเสริมเรตติ้ง ได้แก่ King of Mask Singer, เดี่ยวดวลไมค์ และ GOAL ซึ่งเป็นรายการเรียลลิตี้เกี่ยวกับฟุตบอล ขณะที่อัตราค่าโฆษณาก็คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นเป็น 52,000 บาท/นาที จากไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 48,000 บาท/นาที ซึ่งสอดคล้องกับสมมติฐานในการจัดทำประมาณการ และคาดในปี 60 และ 61 ก็จะปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 55,000 บาท และ 60,000 บาทต่อนาที ตามลำดับ ตามเรตติ้งที่เพิ่มขึ้น
ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตรายปีที่จ่ายให้กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) มองว่ามีแนวโน้มที่จะลดลง ส่งผลดีต่อบริษัทโดยตรง โดยฉบับร่าง (Drafts) ได้ผ่านการพิจารณาจาก กสทช.แล้ว และจะต้องมีการทำประชาพิจารณ์ก่อน เมื่อสำเร็จจึงจะประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาอีกครั้ง จากเดิมที่เป็นอัตราคงที่คือ 2% จะเปลี่ยนเป็นอัตราก้าวหน้า (progressive rate) และจากการประเมินตามรายได้ในงวดปี 58 พบว่า WORK จะได้รับประโยชน์ คือ ค่าใช้จ่ายลดลงไป 6.6 ล้านบาท/ปี
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวว่า WORK ยังคงรักษาเรตติ้งไว้ได้ในอันดับ 3 ของอุตสาหกรรม โดย เรตติ้งของช่องยังสามารถปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จาก 0.66 เมื่อเดือน ม.ค.59 เป็น 0.88 ในเดือน ก.ค.59 ขณะที่ตั้งเป้าสิ้นปีเรตติ้งอยู่ที่ 1
นอกจากนี้คาดอัตราการใช้งานบนช่องทีวีของ WORK ในช่วงไตรมาส 3/59 น่าจะมีอัตราที่ลดลงจากไตรมาส 2/59 เล็กน้อยจาก 79% เป็น 77% แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าจะปรับขึ้นอัตราค่าโฆษณา ในไตรมาส 3/59 และไตรมาส 4/59 โดยคาดจะปรับขึ้นจากเดิม 5% จากไตรมาสก่อนหน้า เป็น 52,000 บาท/นาที และ 54,000 บาท/นาทีตามลำดับ ทำให้อัตราค่าโฆษณาเฉลี่ยทั้งปี 59 จะถูกปรับเพิ่มเป็น 50,000 บาท/นาที เทียบกับปี 58 ที่ 35,000 บาท/นาที
ทั้งนี้ ประเมินรายได้จากธุรกิจโทรทัศน์ในไตรมาส 3/59 จะเติบโตขึ้น 2% จากไตรมาสก่อน และ 27% จากงวดปีก่อน มาอยู่ที่ 746 ล้านบาท ขณะที่ต้นทุนค่าผลิตรายการและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ คาดว่าจะทรงตัว ดังนั้นกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 จึงคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 156 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเป็นกำไรรายไตรมาสที่ดีทีสุดของปีนี้ เนื่องจากในช่วงไตรมาส 4 ปกติจะมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายประจำ คือ ค่าตอบแทนพนักงานและผู้บริหารที่สูงราว 90 ล้านบาท และคาดว่าจะมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายของค่าธรรมเนียมบริการ (USO) 2% ของรายได้เข้ามาเพิ่มอีก 50 ล้านบาท ทำให้กำไรไตรมาส 4/59 น่าจะพลิกเป็นขาดทุน 33 ล้านบาท
ขณะที่ปรับลดประมาณการกำไรปี 59 ลงจากเดิม 8% มาอยู่ที่ 286 ล้านบาท หรือโต 75% จากปีก่อน สะท้อนความเสี่ยงจากได้รับส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจการให้บริการสวนสนุก Dinosaur Planet ที่ต่ำกว่าคาดการณ์
อย่างไรก็ตามคาดทิศทางกำไรในช่วง 1-2 ปีข้างหน้ายังแกร่ง โดย WORK มีศักยภาพในการเติบโตในธุรกิจทีวีดิจิตอล จากช่องได้รับความนิยมสูงเป็นอันดับ 3 และมีเรตติ้งที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาขึ้นได้อีก ในเบื้องต้นคาดว่าจะปรับอัตราค่าโฆษณาขึ้นเป็น 60,000 บาท/นาที ในปี 60 ดังนั้นเป้ารายได้ปี 60 จึงคาดว่าจะเติบโตขึ้น 20% มาอยู่ที่ 3.55 พันล้านบาท และคาดอัตรากำไรสุทธิ อยู่ที่ 12% ทำให้กำไรทั้งปี 60 อยู่ที่ 436 ล้านบาท
"แนวโน้มธุรกิจดี แนะนำ "ซื้อเมื่ออ่อนตัว" ที่ราคาเหมาะสม 38 บาท เรามองว่า WORK มีศักยภาพในการเติบโตในธุรกิจทีวีดิจิตอล โดยช่องได้รับความนิยมสูง และมีเรตติ้งที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯ มีโอกาสที่จะปรับเพิ่มอัตราค่าโฆษณาขึ้นได้ อย่างไรก็ตามความเสี่ยงหลักอยู่ที่ภาพรวมเศรษฐกิจที่อาจกระทบต่อการใช้งบโฆษณาในอนาคต"นักวิเคราะห์ ของคันทรี่ฯ กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ยังคงมีมุมมองเชิงบวกเช่นเดิมกับ WORK โดยอัตราค่าโฆษณายังจะสามารถปรับเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งยังมีรายได้จากธุรกิจคอนเสิร์ต,ละครเวที เข้ามาสนับสนุนค่อนข้างมากในครึ่งปีหลัง
ขณะที่ WORK จะทำกำไรในไตรมาส 3/59 เป็นระดับสูงสุดของปีนี้ โดยจะเติบโตได้ดีเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากกำไรในไตรมาส 2/59 ที่ออกมาสูงกว่าคาดค่อนข้างมาก อีกทั้งมุมมองในครึ่งปีหลังยังดีต่อเนื่อง จึงมีการปรับประมาณการกำไรปี 59-61 ขึ้น 15%, 15% และ 21% ตามลำดับ โดย WORK ยังคงเป็นหุ้นที่ชื่นชอบมากที่สุดในกลุ่มสื่อ
"เราคาดว่ากำไรจะมีการเติบโตที่แข็งแกร่งในไตรมาส 3/59 หนุนโดยการปรับตัวเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกิจดิจิตอลทีวี จำนวนการจัดคอนเสิร์ตและการจัดละครเวทีที่มากขึ้น เราคาดว่าในไตรมาส 3/59 กำไรหลักจะอยู่ที่ 151 ล้านบาท เติบโตอย่างก้าวกระโดดถึง 156% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 6% จากไตรมาสก่อนหน้า"นักวิเคราะห์ ของบัวหลวง กล่าว
นักวิเคราะห์ กล่าวอีกว่า ด้านเรตติ้งของ WORK นับปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากรายการวาไรตี้ใหม่ที่จะเพิ่มเข้ามาในไตรมาส 3/59 และ 4/59 ได้แก่ รายการแฟนพันธุ์แท้ 2016, ไมค์หมดหนี้ และ ไมค์ทองคำ 5 ในไตรมาส 3/59 และ รายการศัลยกรรมพลิกชีวิต ซีซั่น 2 หลังจากที่ซีซั่น 1 เรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 4 , เดี่ยวดวลไมค์ และรายการ The Mask Singer ในไตรมาส 4/59 โดย WORK ตั้งเป้าการเติบโตของเรตติ้งเฉลี่ยอย่างน้อยอยู่ที่ 10% ต่อปี
สัดส่วนของรายการที่ขายแยกในไตรมาส 2/59 อยู่ที่ 6 รายการ คาดครึ่งหลังปีนี้จะมีเพิ่มอีก 2 รายการ จากเรตติ้งที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและรายการขายแยกที่มากขึ้นจะทำให้ WORK สามารถที่จะเพิ่มอัตราค่าโฆษณาในอนาคตได้ คาดว่าในไตรมาส 3/59 อัตราเฉลี่ยของค่าโฆษณาจะเพิ่มขึ้น 32% จากงวดปีก่อน และ 4% จากไตรมาสก่อนหน้า อยู่ที่ 50,000 บาท/นาที และ อัตราการจองเวลาโฆษณาลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 77% ในไตรมาส 3/59 เทียบกับ 80% ในไตรมาส 2/59