นางภรณี ทองเย็น รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่ายังผันผวนอยู่ แต่การที่ดัชนีปรับขึ้นมาราว 200 จุด และลงไปเกือบ 100 จุดรอบนี้ ประเมินว่าสะท้อนความกังวลไประดับหนึ่งแล้ว แต่ก็มองว่ายังมีโอกาสย่อตัว
ส่วนปัจจัยต่างประเทศไม่มีอะไร ต่างชาติน่าจะขายทั้งภูมิภาค เพราะต่างชาติซื้อมามากพอควรแล้วในช่วงที่ผ่านมา คงทยอยออกเพราะปกติช่วงไตรมาส 4 ต่างชาติจะเป็นฝั่งขายส่วนใหญ่ ส่วนค่าเงินบาทคงไม่อ่อนมาก กลยุทธ์ถ้าราคาหุ้นปรับลงมามากๆ เป็นจังหวะที่เก็บได้
โดยมองแนวรับ 1,400 จุด และ 1,385 จุด แนวต้าน 1,440 จุด
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (13 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,098.94 จุด ร่วงลง 45.26 จุด (-0.25%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,213.33 จุด ลดลง 25.69 จุด (-0.49%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,132.55 จุด ลดลง 6.63 จุด (-0.31%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 23.20 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 4.36 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพ่มขึ้น 88.66 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 20.91 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพ่มขึ้น 6.22 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.43 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.11 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 ต.ค.59) 1,412.82 จุด เพิ่มขึ้น 6.64 จุด (+0.47%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 585.48 ล้านบาท เมื่อวันที่ 13 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (13 ต.ค.59) ปิดที่ 50.44 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 26 เซนต์ หรือ 0.5%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 ต.ค.59) ที่ 5.34 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าเงินบาทเปิด 35.40 แข็งค่าต่อเนื่อง คาดวันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 35.00-35.50
- กระทรวงคลังสั่ง แบงก์กรุงไทย ตั้งวอรูมพิเศษดูแลความปลอดภัยหากเกิดเหตุการณ์ทำให้ประชาชนตื่นตระหนก เชื่อทุกแบงก์เตรียมพร้อมรับมือแล้ว ขณะแบงก์ เริ่มห่วงปัญหาสภาพคล่อง ลุยซื้อดอลลาร์ตุนกดเงินบาทอ่อนค่า
- มอนิ่งสตาร์" เผยรายย่อยลุยซื้อกองทุนรวมหุ้น 3 วัน ยอดไหลเข้าสุทธิ 2,630 ล้าน สวนทางหุ้นร่วงลงแรง
- กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน รายงานว่า เริ่มตั้งแต่ดำเนินการจนถึงวันที่ 30 ก.ย.59 ว่า กองทุนฟื้นฟูฯได้ชาระคืนหนี้ทั้งเงินทุนและดอกเบี้ยแล้วทั้งสิ้น 4,355 ล้านบาท แบ่งเป็น ชำระคืนเงินต้น 1,022 ล้านบาท โดยชำระเงินต้นในส่วนของกองทุนฟื้นฟูฯ กองที่ 1 (เอฟไอดีเอฟ 1) หรือการออกพันธบัตรออมทรัพย์ของรัฐบาล 1,000 ล้านบาท และเป็นการชำระเงินต้นในส่วนของเอฟไอดีเอฟ 3 พันธบัตร ออมทรัพย์รัฐบาลที่ออกขายให้กับสถาบันการเงินอีก 22 ล้านบาท และชำระดอกเบี้ยไปแล้ว 3,333 ล้านบาท
- SCB EIC ปรับประมาณการอัตราเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 59 เป็น 3% จากเดิม 2.8% เนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกออกมาดีกว่าคาด ขยายตัวได้ถึง 3.4% ได้รับปัจจัยหนุนจากปัจจัยบวกชั่วคราว เช่น มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ที่ช่วยเร่งให้เกิดการก่อสร้าง การเร่งใช้จ่ายของภาครัฐและการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล และการกระตุ้นยอดขายรถยนต์ของค่ายรถต่างๆ และการท่องเที่ยวที่เติบโตได้ดีมาตลอดเป็นแรงสนับสนุนหลัก
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC(ไอร่า)"ซื้อ"เป้า 565 บาท เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนช่วงราคาลดลงตามภาวะตลาด โดยยังมีประเด็นน่าสนใจเฉพาะตัวเชิงพื้นฐาน แลมองเชิงบวกหลังลงทุนต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง Green Field และ M&A เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำในภูมิภาค หลังจากนี้เริ่มเก็บเกี่ยว คาด Q2/59 โดดเด่นดีกว่าตลาดคาด กำไรสุทธิ 16,027 ล้านบาท สูงสุดในรอบหลายปี หลักๆ จากสเปรดปิโตรเคมีสูงช่วยชดเชยธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และPackaging ที่รับผลกระทบฤดูกาล คาดสเปรดยังดีต่อเนื่องในไตรมาส 3 ล่าสุด Spread PE และ PP เทียบ Naphta อยู่ที่ 749USD และ 705USD เพิ่มขึ้นจาก 743USD และ 680USD ในไตรมาส 2 ขณะที่ปี 59 คาดกำไรสุทธิ 46,290 ล้านบาททำนิวไฮ และอยู่ระหว่างปรับเพิ่มประมาณการ
- ESSO(ธนชาต)"ซื้อ"เป้า 7.70 บาท การใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังปิดซ่อมโรงกลั่นจะเริ่มเห็นผลใน 4Q16 และมีมูลค่าซ่อนจากธุรกิจ สถานีเติมน้ำมัน 340 สาขาที่ถือหุ้นโดย ESSO เอง (จากทั้งหมด 540 สาขา) ด้วย PE ที่ 4.7x ปีนี้ และ 6.0x ปีหน้ายังต่ำกว่าโรงกลั่นอื่นๆ