นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ปัจจัยในประเทศที่จะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้มากที่สุดที่มีความชัดเจนหรือกระจ่างมากขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนที่ขายหุ้นไป มีการซื้อหุ้นกลับเข้าพอร์ต ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นถึง 1.5% จากวันที่ 12 ต.ค. (ณ 8.20 น.ค่าเงินบาท อยู่ที่ 35.1 บาท/ดอลล่าร์) และราคา ETF หุ้นไทยของ MSCI (iShares MSCI Thailand Capped ETF) ปรับตัวสูงขึ้นในคืนที่ผ่านมา เป็นการตอบรับในทางบวกของนักลงทุนต่างประเทศต่อตลาดหุ้นไทย
กลยุทธ์การลงทุนจากที่เราประเมินตลาดในช่วงสั้นๆ เป็นบวก จึงแนะนำให้กลับเข้าซื้อหุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นที่นักลงทุนสถาบันและต่างประเทศให้ความสนใจ โดยยังมองเป็นการเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้น จังหวะเข้าซื้อคือรอราคาอ่อนตัวลงมา เพราะดัชนีฯหรือราคาหุ้นเช้านี้ น่าจะเปิดกระโดดจากวันก่อน หุ้นที่น่าสนใจวันนี้ ได้แก่ AOT,TCAP,BJC,IVL
"จากวันนี้ไป ทิศทางตลาดหุ้นจะกลับไปขึ้นกับภาวะเศรษฐกิจที่มาจากการบริโภคและลงทุนของภาคเอกชนว่าจะเกิดการสะดุดหรือไม่ และแผนใช้จ่ายของรัฐบาลจะยังคงเดินหน้าตามแผนหรือไม่ หากทุกอย่างราบรื่น นักลงทุนจะกลับมาพิจารณาที่ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นเช่นในภาวะปกติ ดังนั้น ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่าจะเกิดการ cover shot คือซื้อหุ้นกลับ หรือ Buy on fact ซึ่งจะทำให้ดัชนีฯปรับตัวสูงขึ้น แต่จะยังคงมีความผันผวน"นายมงคล กล่าว
ปัจจัยต่างประเทศ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นว่า การขึ้นดอกเบี้ยควรรอให้ผ่านการเลือกตั้งไปก่อน (รอนโยบายใหม่) จึงมีการลดน้ำหนักที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน พ.ย.ลงไป ซึ่งนักวิเคราะห์ยังคาดว่าจะไปขึ้นในเดือน ธ.ค. ตลาดหุ้นสหรัฐฯและยุโรป ส่วนใหญ่ปรับตัวลดลง
ส่วนราคาน้ำมันดิบ หลังจากผลประชุมผู้ผลิตน้ำมันที่ยังไม่สามารถตกลงในเรื่องตัวเลขในโควต้าผลิตใหม่ได้ ราคาเป็นลบ แต่ในคืนที่ผ่านมา ราคาได้ขยับขึ้น ตามตัวเลข stock น้ำมันกลั่นฯที่ลดลง และค่าดอลล่าร์ที่ลดลง เราประเมินว่า ราคาน้ำมันดิบที่กลับขึ้นมาได้อีกครั้ง จะเป็นบวกสั้นๆต่อหุ้นน้ำมัน (ผู้ผลิตน้ำมัน+โรงกลั่นน้ำมัน) ในวันนี้