นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊คว่า เช้านี้ได้รับคำเชิญจากนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีให้เข้าพบที่ทำเนียบรัฐบาลในช่วงเช้า ซึ่งมี 8 บลจ.เข้าร่วม ได้แก่ ค่ายกองทุนบัวหลวง กองทุนไทยพาณิชย์ กองทุนกรุงไทย กองทุน MFC กองทุนวรรณ กองทุน CIMBT กองทุนทหารไทย และกองทุนทิสโก้
พร้อมทั้งปฎิเสธกระแสข่าวลือในสื่อโซเชียลว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรียกผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) เข้าพบเพื่อปรับทัศนคติ
"ข่าวที่กระจายในไลน์และที่ผู้สื่อข่าวโทรมาสอบถามว่า คณะ คสช เรียกพวกเรา บลจ / ผู้จัดการกองทุน เข้าพบ เพื่อสอบถามถึงการขายหุ้นในช่วงก่อนหน้านี้ และอาจมีการปรับทัศนคติการลงทุนต่อจากนี้ให้อยู่ในวิสัยที่ถูกต้องนั้น เป็นข่าวเท็จทั้งสิ้น และจากคำว่า “ปรับทัศนคติ" นั้น คาดว่าน่าจะเป็นการส่งไลน์ในกลุ่มเล่นหุ้นที่ประสงค์ร้ายต่อรัฐบาลและความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง"นางวรวรรณ ชี้แจงผ่านเฟซบุ๊ค
ส่วนการหารือกับนายสมคิดนั้น เป็นการชี้แจงถึงความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจต่างประเทศที่มีต่อไทยเพิ่มขึ้น และเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านภายในประเทศที่จะราบรื่น ขณะที่บรรดาผู้บริหารกองทุนได้เล่าถึงมุมมองต่ออนาคต และเล่าถึงคำถามจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ซึ่งไม่มีอะไรในเชิงลบ
"รองฯ สมคิด ไม่ได้จับเราไปเขย่า ไปทุบ หรือเค้นคอสอบถามอะไรเลยเกี่ยวกับการขายหุ้นของสถาบัน แต่ได้เล่าถึงความเชื่อมั่นจากภาคธุรกิจต่างประเทศที่มีต่อไทยเพิ่มขึ้น และเล่าถึงการเปลี่ยนผ่านภายในประเทศที่จะราบรื่น ส่วนพวกเราก็เล่าถึงมุมมองของเราที่มีต่ออนาคต เล่าถึงคำถามจากผู้จัดการกองทุนต่างประเทศ ซึ่งไม่มีอะไรในเชิงลบ ...ได้เรียนรองนายกฯ ไปว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น บาง บลจ ซื้อสุทธิทุกวัน บางแห่งก็ขายสุทธิ แต่พวกเราเห็นกระแสเงินสดไหลเข้ามาซื้อกองทุนรวมหุ้นมากกว่าปกติ โดยเฉพาะใน LTF และ RMF ในทุกวันที่ตลาดกระชากลงแรงๆ"
นางวรวรรณ ระบุอีกว่า บลจ แห่งหนึ่งที่มาประชุมด้วยนี้บอกว่ากองทุนของบริษัทต้องขายสุทธิ เพราะต้องจ่ายเงินให้ผู้เกษียณอายุสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพอดี ส่วนอีก บลจ บอกว่าจำเป็นต้องปรับการซื้อขายตามสภาพตลาดเพราะเป็น Index Fund ส่วน บลจ.อีกแห่งหนึ่งเล่ามาว่า ลูกค้า Private Fund และ Provident Fund ของเขาสั่ง Stop Loss จึงต้องทำตามคำสั่งลูกค้า
พร้อมทั้งชี้แจงเพิ่มเติมไปว่าในเชิงจิตวิทยาการลงทุนนั้น ที่ผ่านมามันมี Uncertainty จึงทำให้ผู้เล่นในตลาดที่ไม่เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน มีปฏิกิริยา เพราะเขาไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ อย่างไรก็ดี ค่ายกองทุนบัวหลวง ได้วิเคราะห์ Uncertainty จนเข้าใจ และมั่นใจว่าผลจะออกมาอย่างไร เราจึงไม่หวั่นไหวเ
อนึ่ง ในช่วงที่เป็นข่าวว่ากองทุนทุบหุ้นนั้น กองทุนค่ายบัวหลวงซื้อสุทธิทุกวัน ตั้งแต่วันที่ 10 ตค ซึ่งสถาบัน Net Sell –7,268 ล้านบาท เพราะลูกค้าซื้อกองทุนเราเข้ามากว่า 2 พันล้านบาท และเราเห็นจังหวะที่ดีในตลาดด้วยที่ราคาหุ้นทรุดต่ำลง จึงเพิ่มเงินสดที่มีในพอร์ตเข้าไปซื้อร่วมด้วย รวมแล้วตั้งแต่วันที่ 10 -13 ต.ค. ค่ายเราซื้อสุทธิให้กองทุนรวมไปทั้งหมดกว่า +3,800 ล้านบาท ไม่ได้รวมที่ซื้อสุทธิให้กองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีกไม่น้อย ขณะที่สถาบันทั้งหมดในตลาดขายสุทธิ – 2,119 ล้านบาท ในช่วงเวลาเดียวกัน
นางวรวรรณ ยังระบุเพิ่มเติมว่า อย่าหลงเชื่อการปล่อยข่าวบ่อนทำลายประเทศไทยและสถาบัน ไม่มีอะไรอย่างที่เป็นข่าวปล่อยเลย รวมทั้งข่าวที่ออกมาจากสำนักข่าวต่างประเทศด้วย
"สรุปคือ คสช. ไม่ได้พบพวกเรา ไม่ได้บีบคอให้ทำนั่นนี่เลยสักนิด อย่าเอาไปลือมั่วๆ ในไลน์ จะโดนจับข้อหาบิดเบือนทำราคาหุ้นได้ มีแต่รองนายกฯ สมคิด ที่แลกเปลี่ยนมุมมองถึงความมั่นใจในประเทศไทยกับพวกเรา และแม้ราชการจะหยุด แต่ตลาดเงิน ตลาดพันธบัตร กับตลาดหุ้นก็ไม่ปิดในวันนี้ ทุกอย่างเป็นปกติ ทั้งนี้ หาก ตลาดฯ และ กลต จะตรวจสอบพวกเรา ก็ขอสนับสนุนเต็มที่ อย่าปล่อยให้สังคมคลุมเครือ"นางวรวรรณ ระบุ