CIMBT แจงกำไรงวด 9 เดือนแรกปีนี้ลดลง 5.7% หลังตั้งสำรองฯสูง แม้รายได้เพิ่ม,NPL พุ่ง 4.2%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 17, 2016 14:51 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ย.) มีกำไรสุทธิ 798.31 ล้านบาท ลดลง 5.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสำรองหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 16.7% ขณะที่มีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 4.5% มาที่ 9.69 พันล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 19.1% และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ 8.2% ส่วนรายได้อื่นลดลง 42.7% อย่างไรก็ตาม ธนาคารมีกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น 10.6% เป็น 4.38 พันล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงานและการควบคุมต้นทุนที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 0.02% เมื่อเปรียบเทียบผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปีนี้กับช่วงเดียวกันของปีก่อน พบว่ารายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 19.1% เป็นผลจากการลดลงของค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย 23.8% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 8.2% ส่วนใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ธุรกรรมเช่าซื้อและสัญญาเช่าทางการเงิน และค่าธรรมเนียมจากการจัดจำหน่ายหน่วยลงทุน และรายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง 42.7% ส่วนใหญ่เกิดจากธุรกรรมบริหารเงิน

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรกปีนี้ เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ลดลง 0.02% สาเหตุหลักมาจากการลดลงของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารสถานที่และอุปกรณ์ สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงาน อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 54.8% ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 58 อยู่ที่ 57.3% เป็นผลจากการปรับปรุงแผนการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีผนวกกับรายได้ที่เพิ่มขึ้น

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin:NIM) อยู่ที่ 3.76% สำหรับ 9 เดือนแรกของปีนี้ ขณะที่งวด 9 เดือนแรกปีก่อน อยู่ที่ 3.16% เป็นผลจากการบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ณ สิ้นก.ย.59 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 2.05 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อสิ้นปี 58 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 2.16 แสนล้านบาท ลดลง 0.8% จากสิ้นปี 58 ซึ่งมีจำนวน 2.18 แสนล้านบาทอัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 94.7% จาก 91.1% ณ สิ้นปี 58

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 9.1 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ 4.2% เพิ่มขึ้นจาก 3.1% เมื่อสิ้นปี 58 เนื่องจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ลดลงอันเกิดจากสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจโดยรวมยังคงอ่อนแอ

อย่างไรก็ตาม ธนาคารยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแล และการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 ก.ย.59 อยู่ที่ 81.6% ลดลงจากสิ้นปี 58 ซึ่งอยู่ที่ 106.5% ส่วนเงินสำรองของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 30 ก.ย.59 อยู่ที่จำนวน 7.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 2.8 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 ก.ย.59 มีจำนวน 3.8 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 16.2% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 10.8%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ