นายสุธน ชูเพียร กรรมการผู้จัดการ บมจ.ปตท. (กัมพูชา) จำกัด ในกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเปิดตลาดก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ในกัมพูชา ทั้งในส่วนของการขายเข้าสู่ภาคครัวเรือนและขนส่ง จากความต้องการใช้ที่น่าจะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในภาคครัวเรือน ตามการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของกัมพูชาที่เติบโตราว 7% ต่อปี ขณะที่การใช้ LPG ในภาคขนส่งยังมีไม่มากนัก
นอกจากนี้ การเปิดตลาดในกัมพูชาจะเป็นการนำเข้า LPG เพื่อส่งออกไปยังกัมพูชา ซึ่งจะช่วยให้การนำเข้า LPG ของ ปตท.สามารถดำเนินการได้อย่างคุ้มค่าและมีต้นทุนต่อหน่วยถูกลง จากปัจจุบันที่มีการนำเข้า LPG เข้ามาในประเทศไทยอยู่แล้วบางส่วนและยังมีคลัง LPG ในประเทศเหลือเพียงพอรองรับ คาดว่าจะสามารถสรุปผลศึกษาได้ราวต้นปีหน้า
"ก็คงจะทำแบรนด์ ปตท.เอง แต่จะทำอย่างไรมีหลายวิธี มูลค่าตลาด LPG ในกัมพูชาไม่ชัดเจน แต่ก็มีพอสมควรอาจจะประมาณ 10% ของการใช้น้ำมันซึ่งที่กัมพูชามีการใช้น้ำมันราว 3,500 ล้านลิตร LPG ก็ประมาณ 350 ล้านลิตร"นายสุธน กล่าว
นายสุธน กล่าวว่า การเปิดตลาด LPG ในกัมพูชา แม้จะมองว่ามีมาร์จิ้นไม่ดีนัก ประกอบกับมีคู่แข่งมากพอสมควร แต่ก็จะสามารถสร้างแบรนด์ ปตท.ให้เป็นที่รู้จักได้มากขึ้น จากปัจจุบันที่กัมพูชานำเข้า LPG จากไทยแล้วใช้แบรนด์ท้องถิ่นในการจำหน่าย
ปัจจุบัน PTT ดำเนินธุรกิจจัดหาและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมครบวงจรในกัมพูชา ได้แก่ ตลาดพาณิชย์ ที่ประกอบด้วย น้ำมันอุตสาหกรรม ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาน ตลาดเรือขนส่ง ธุรกิจหล่อลื่น และตลาดขายปลีก ประกอบด้วย สถานีบริการน้ำมัน ปตท. ร้านกาแฟ คาเฟ่ อเมซอน ร้านสะดวกซื้อจิฟฟี่ โดยมีส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันในกัมพูชาราว 5% และมีส่วนแบ่งตลาดน้ำมันอากาศยานเป็นอันดับ 1 ที่ 60%
นายสุธน กล่าวว่า ปตท.วางเป้าหมายที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกน้ำมันในกัมพูชาให้เพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่อยู่ในอันดับ 5 โดยมีแนวโน้มที่จะแซงแบรนด์ต่างชาติอย่างโททาลที่มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 4 อยู่ที่ 6% ในเร็ว ๆ นี้ แต่ ปตท.ไม่ได้วางเป้าหมายที่จะมีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ปัจจุบัน Tela ซึ่งเป็นผู้ประกอบการท้องถิ่นครองตลาดอยู่ด้วยส่วนแบ่งตลาด 28% เนื่องจากปตท.ต้องการที่จะมีพันธมิตรและโครงข่ายในการดำเนินธุรกิจมากกว่า
ทั้งนี้ ปตท.มีแผนจะขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่มเป็น 90 แห่งภายในปี 63 จาก 28 แห่งในปัจจุบัน ซึ่งจะเน้นการขยายให้ทั่วถึงและให้ประชาชนได้รู้จักแบรนด์มากขึ้น ซึ่งตั้งเป้าหมายในปี 64 จะมีปริมาณขายน้ำมันเพิ่มเป็น 400 ล้านลิตร/ปี จาก 200 ล้านลิตร/ปีในปัจจุบัน ขณะที่ปัจจุบันบริษัท ปตท. (กัมพูชา) จำกัด สามารถสร้างกำไรได้ปีละ 1-2 ล้านเหรียญสหรัฐ