นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวแบบทรงตัว (side-way) เพื่อรอปัจจัยใหม่โดยมีโอกาสที่ดัชนีฯ จะปิดลดลงจากวันก่อน โดยตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวัน อาทิ ค่าเงินบาท ผลประชุม ครม. ว่าจะมีการอนุมัติเรื่องใดที่จะเกี่ยวกับตลาดหุ้นบ้างหรือไม่ และ BRExit ที่กลับมาพูดถึงกันมากขึ้นข้างนอกบ้าน ก็มีผลต่อ Fund Flow ด้วยเหมือนกัน มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,467-1,490 จุด
ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯและสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น ดอลลาร์ ทองคำ และพันธบัตรรัฐบาล กำลังสอดรับกับทิศทางดอกเบี้ยที่สูงขึ้น การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ลดโอกาสจะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.แต่อย่างใด ค่าเงินดอลล่าร์อ่อนตัวลงเล็กน้อย เนื่องจากตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรม เดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.1% ต่ำกว่าที่คาดที่ 0.2% (Bloomberg)
ส่วนราคาทองคำ ขยับขึ้นเล็กน้อยหลังสวนทางกับค่าเงินดอลล่าร์ แต่ยังอาจอยู่ในช่วงขาลงหากสหรัฐฯปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.
ดังนั้น สถานการณ์ของตลาดต่างประเทศจะเป็นเรื่องของแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ
ขณะที่ตัวเลขการขายหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศในตลาดเอเชียเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งของไทยที่มียิดขายสุทธิเป็นวันที่ 5 รวมเกือบ 1 หมื่นล้านบาทแล้ว กำลังทำลายสถิติที่มีการซื้อต่อเนื่องมา 5 เดือนติดต่อกัน การขายหุ้นของนักลงทุนกลุ่มนี้นอกจากจะเป็นเพราะทิศทางดอกเบี้ยสหรัฐฯที่จะปรับขึ้นในเร็วๆนี้แล้ว และราคาหุ้นของหลายประเทศปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง เมื่อมีการปรับพอร์ตลงทุนก็จะกระเทือนมาถึงตลาดหุ้นเหล่านี้ด้วย ล่าสุด โบรกเกอร์ใหญ่ของสหรัฐฯ แห่งหนึ่ง ปรับลดน้ำหนักการลงทุนหุ้นตลาดเกิดใหม่ลง และมีโบรกเกอร์ต่างประเทศบางแห่งเริ่มปรับลดคำแนะนำการลงทุนหุ้นไทยลงแล้ว
ส่วนทิศทางราคาน้ำมัน ทรงตัวใกล้ๆระดับ 50เหรียญฯ ตามข่าวและการเก็งกำไรในเรื่องการลดกำลังการผลิต และภาวะ oversupply ที่ยังมีอยู่ โดยการประชุม 30 พ.ย.นี้ โอกาสที่ OPEC และผู้ผลิตอื่น จะสามารถสรุปโควต้าผลิตมีได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ปัจจัยของตลาดหุ้นไทยเอง แนวโน้มกำไรหุ้นกลุ่มธนาคารที่ไม่สดใส ราคาน้ำมันทรงๆตัว แรงซื้อของกองทุนฯ ที่ไล่ซื้อหุ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ลดระดับการซื้อลง และสำคัญที่สุด บางธนาคารกลางมีแนวโน้มลดการใช้ QE ลง จะส่งผลให้เม็ดเงินที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้นก็จะลดลง เราจึงเห็นนักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นซึ่งเป็นลบต่อตลาด
"กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ จึงเป็นชะลอการลงทุนเพื่อรอดูข่าวใหม่ๆ หรือเข้าเก็งกำไรเพียงช่วงสั้นๆ ในหุ้นขนาดกลางและเล็ก เนื่องจากหุ้นขนาดใหญ่มีความเสี่ยงต่อการถูกขายจากนักลงทุนต่างประเทศ หุ้นที่แนะนำได้แก่ IVL,BLA,GPSC,PLAT"นายมงคลกล่าว