หุ้น SELIC เปิดเทรดวันแรกที่ 4.30 บาท เพิ่มขึ้น 1.40 บาท (+48.28%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.90 บาท/หุ้น
บล. แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2560 ของหุ้น บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) โดยใช้วิธี P/E Ratio เท่ากับ 3.44 บาท คาดกำไรโตเฉลี่ย 20.5% ใน 3 ปี ระดมทุนขยายวิจัยและปรับปรุงระบบผลิต
ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิในช่วง 3 ปีข้างหน้าของบริษัทจะเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ย 20.5% p.a.(CAGR) มีปัจจัยหนุนจาก 1) ตลาดกาวที่ขยายตัวตามเศรษฐกิจโลกคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 4.72% 2) การเติบโตของกลุ่มลูกค้าหลักในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม และอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ภายในประเทศ ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทย 3) ราคาวัตถุดิบหลักทรงตัวในระดับต่ำ ส่งผลดีต่อประสิทธิภาพการทำกำไรของบริษัท
โดยฝ่ายวิจัยคาดกำไรสุทธิปี 2559 อยู่ที่ 44.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.3%YoY และเติบโตต่อเนื่องเป็น 60.13 ล้านบาท และ 68.97 ล้านบาท ในปี 2560-61 หรือเติบโตขึ้น 34.7%YoY และ 14.7%YoY ตามลำดับ คิดเป็น ROE เฉลี่ยราว 18.5%
ภายหลังจากการระดมทุนด้วยการออกหุ้น IPO จำนวน 80 ล้านหุ้น ที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายให้ประชาชนทั่วไป 28.57% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลัง IPO คาดว่าจะช่วยให้ฐานะทางการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งขึ้น D/E Ratio จะลดลงจาก 1.78 เท่า ใน 2Q59 เหลือ 0.60 และ 0.56 ในปี 2560-61 มีสภาพคล่องและกระแสเงินสดเพียงพอต่อการลงทุนในอนาคต ทั้งการขยายหน่วยวิจัยและพัฒนา รวมถึงการปรับปรุงระบบการผลิต เพื่อให้สามารถผลิตสินค้าได้หลากหลายและรวดเร็วขึ้น
SELIC เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย รวมทั้งวิจัยและพัฒนากาวอุตสาหกรรมและเคมีภัณฑ์ที่ใช้ในหลากหลายอุตสาหกรรมให้แก่ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศกว่า 27 ประเทศทั่วโลก โดยมีจุดเด่นสำคัญเหนือกว่าคู่แข่ง คือ การเป็นผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กาวชนิดใหม่ๆออกมาให้มีลักษณะตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละราย อีกทั้งเป็นบริษัทเดียวในประเทศไทยที่สามารถผลิตกาวในกลุ่ม Polyurethane Reactive Hot Melt (HMPUR) ทนความร้อนสูงได้
ทั้งนี้ บริษัทมีผลิตภัณฑ์หลัก 4 กลุ่ม ประกอบด้วย ผลิตภัณฑ์กาว Solvent ผลิตภัณฑ์กาวน้ำ ผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โดยรายได้หลักราว 56% มาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์กาว Solvent รองลงมา 26% มาจากผลิตภัณฑ์กาว Hot Melt ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าในประเทศเทียบกับต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนราว 80:20