บล.ทรีนีตี้ คาดหุ้นไทยแกว่ง 1,440-1,500 จุด แนะ"พลังงาน-ส่งออก-โรงไฟฟ้า"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday October 18, 2016 11:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ จำกัด คาดว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ช่วงที่เหลือของเดือน ต.ค.59 ยังคงแกว่งตัวในกรอบ 1,440-1,500 จุด ในเชิงกลยุทธ์แนะให้ซื้อขายตามกรอบดังกล่าว

โดยมีปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ แนวโน้มการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ภายหลังจากประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (Fed) มีความคิดเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา อาจจำเป็นต้องใช้นโยบาย “เศรษฐกิจแรงกดดันสูง (High pressure economy)" เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้น มีโอกาสที่ Fed อาจบริหารนโยบายการเงินในเชิงรุกและอาจอนุโลมให้เศรษฐกิจมีความร้อนแรงในช่วงแรกของการฟื้นตัว ส่งผลให้ตลาดเริ่มปรับมุมมองคาดการณ์เงินเฟ้อในอนาคตเพิ่มมากขึ้นและทำให้ Bond yield สหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้ความน่าสนใจของตลาดหุ้นเกิดใหม่นั้นลดลง

ประเด็นถัดมาคือ การรายงานตัวเลขอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ของจีนประจำไตรมาส 3/59 ในวันพรุ่งนี้ (19 ต.ค.) ภายหลังจากที่ตัวเลขการส่งออกเดือน ก.ย.ที่ผ่านมาหดตัวไปถึง 10% นับว่าแย่กว่าที่ตลาดคาดอย่างมาก หากตัวเลข GDP ดังกล่าวออกมาต่ำกว่า 6.7% ซึ่งเป็นระดับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ จะส่งผลให้เกิดแรงเทขายเงินหยวนและสกุลเงินอื่นในเอเชียได้

ขณะที่กรณีการโต้วาทีรอบที่ 3 ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน และนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ลาสเวกัส ในช่วงเช้าวันที่ 20 ต.ค.ตามเวลาประเทศไทย มีประเด็นที่น่าติดตามหากการหาเสียงของนายทรัมป์ ไม่สามารถดึงคะแนนความนิยมได้เพิ่มขึ้น มองโอกาสที่นางคลินตันจะได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในช่วงต้นเดือน พ.ย.จะมีสูงขึ้นตามลำดับ ซึ่งถือเป็นผลดีต่อตลาดทุนทั่วโลก

นอกจากนั้น ยังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 20 ต.ค.ว่าจะมีมติต่ออายุมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่กำลังจะหมดอายุลงในช่วงเดือน มี.ค.60 หรือไม่ ภายหลังจากที่มีข่าวลือมาก่อนหน้านี้ว่า ECB อาจลดวงเงิน QE ลงจากเดือนละ 80,000 ล้านยูโร และปัจจัยสุดท้ายแนะนำให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ในวันที่ 31 ต.ค.–1 พ.ย. โดยมองมีโอกาส 50-60% ที่ BOJ อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับติดลบมากขึ้นจากเดิมที่ -0.1%

สำหรับกลุ่มหุ้นที่แนะนำให้เข้าสะสมหากดัชนีมีการปรับตัวลงมาที่บริเวณแนวรับ 1,440 จุด ได้แก่ กลุ่มพลังงาน แนะนำ “ซื้อ" PTT, BANPU เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะสามารถยืนในระดับสูงต่อไปได้จนกระทั่งการประชุมกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน (OPEC) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ กลุ่มหุ้นส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากการอ่อนค่าของเงินบาทและมีระดับมูลค่าพื้นฐาน (Valuation) ที่น่าสนใจ ได้แก่ SVI,BR กลุ่มบริษัทที่มีรายได้จากธุรกิจภายนอกเป็นหลักและคาดว่าจะรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/59 ที่โดดเด่น ได้แก่ GL,TTCL และกลุ่มโรงไฟฟ้าที่มีฐานรายได้แน่นอนและให้เงินปันผลในระดับสูง ได้แก่ GPSC


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ