นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะเปิดในแดนบวกได้ แต่การจะไปต่อคงยังลำบาก เนื่องจากตลาดฯไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันเมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมาดัชนีฯมีลักษณะแกว่งแคบและซึมตัว ดังนั้น ภาพโดยรวมของตลาดฯวันนี้น่าจะเป็นลักษณะแกว่ง Sideway ในกรอบแคบ
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างอยู่ในแดนบวกเล็กน้อยทั่วหน้า หลังตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในไตรมาส 3/59 ขยายตัว 6.7% ตามคาดการณ์ ส่วนตลาดหุ้นไทยก็ยังต้องติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/59 ของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ขณะที่ราคาน้ำมันทรงตัวทำให้แรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ลดลง แต่มองว่าหุ้นพลังงานขนาดเล็กยังสามารถเล่นเก็งกำไรได้
ทั้งนี้ ช่วงนี้จะเห็นแรงขายหุ้น Domestic plays ออกมาบ้าง เพราะมองว่ากำลังซื้อจะชะลอในช่วงสั้น พร้อมให้แนวรับ 1,462-1,457 จุด ส่วนแนวต้าน 1,482-1,486 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (18 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.94 จุด เพิ่มขึ้น 75.54 จุด (+0.42%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,243.84 จุด เพิ่มขึ้น 44.02 จุด (+0.85%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.60 จุด เพิ่มขึ้น 13.10 จุด (+0.62%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 10.70 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 1.87 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 0.59 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 5.40 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 4.25 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 0.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 0.32 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ต.ค.59) 1,477.54 จุด เพิ่มขึ้น 0.20 จุด (+0.01%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,380.08 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (18 ต.ค.59) ปิดที่ 50.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 35 เซนต์ หรือ 0.7%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ต.ค.59) ที่ 5.95 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- ค่าเงินบาทเปิด 34.93/95 แนวโน้มยังแข็งค่าต่อจากแรงขายดอลล์ มองกรอบวันนี้ 34.70-35.00
- ทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ฐานะการเงินของครัวเรือนไทยทยอยฟื้นตัว เนื่องจากภาระหนี้จากรถคันแรกของครัวเรือนทยอยหมดลงนับจากปลายปีนี้เป็นต้นไป ส่งผลให้กำลังซื้อของครัวเรือนเพิ่ม 8,000-1.2 หมื่นบาท/คน/เดือน คาดสิ้นปีนี้จะมีรถคันแรกครบกำหนดผ่อนชำระประมาณ 3-4 หมื่นราย
- ครม.เห็นชอบยกเครื่องกฎหมายเปลี่ยนฐานคำนวณภาษีโอนกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์ หันใช้ราคาที่ซื้อขายจริง หรือราคาประเมินที่ใช้ในวันโอน ผู้เชี่ยวชาญแนะรัฐให้อิสระเอกชนตั้งราคาขายปลีกฐานภาษีสรรพสามิตใหม่
- ครม.ไฟเขียวขยายอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนแบงก์รัฐ เพิ่มเป็น 0.25% ต่อปี จากเดิม 0.18% ต่อปี หวังช่วยเหลือทางการเงินธนาคารเฉพาะกิจที่มีปัญหาขาดทุน มั่นใจไม่กระทบสถานะ 4 แบงก์ใหญ่
- ภาครัฐหนุนอุตสาหกรรมอาหารเดินหน้าต่อ เผยส่งออกปีละเกิน 8 แสนล้าน โดยปีที่แล้วเฉียดๆ 9 แสนล้าน เป็นอันดับ 1 ของโลก เพราะไทยมีอาหารหลากหลาย ทั้งแบบแช่แข็งและแปรรูป น้ำตาลทราย ไก่ และเครื่องปรุงรส มาแรงสุด
- นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ยังไม่ได้พิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่คาดว่าประชาชนไม่อยู่ในอารมณ์จับจ่ายใช้สอย อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยชี้แจงประชาชนทั่วประเทศให้เกิดความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลสามารถเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง
*หุ้นเด่นวันนี้
- LHBANK (โกลเบล็ก) "ซื้อเก็งกำไร"เป้าปีหน้า 2.22 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 เติบโต 58%YoY แต่ลดลง 13%QoQ กำไร 9M59 เติบโต 74% พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 59 เพิ่มขึ้น 10% คงประมาณกำไรปี 60 ตามเดิม ส่วนดีลควบรวมพันธมิตรอยู่ระหว่างดำเนินการ, LHBANK อยู่ระหว่างจัดสรรหุ้นเพิ่มทุน 7.545 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 2.20 บาทให้ CTBC Bank ในเครือ CTBC Financial Holding กลุ่มการเงินใหญ่ในไต้หวัน เพื่อเข้าถือหุ้น 35.6% ขณะที่ LH และ QH จะถือหุ้นลดลงเหลือ 21.9% และ 13.7% ตามลำดับ คาดว่าแล้วเสร็จราวปลายปี 59
- DRT (เคทีบี) "ซื้อ"เป้า 5.80 บาท ยังจัดเป็นหุ้นปันผลดี คาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลราว 6% ต่อปี โดยคาดกำไรสุทธิ Q3/59 ที่ 76 ล้านบาท ลดลง 35% QoQ ตามปัจจัยฤดูกาล แต่จะเพิ่มขึ้น 13% YoY จากยอดขายในประเทศที่เริ่มกลับมาเติบโต ยังคงคาดกำไรปกติปี 59 เติบโต 11% YoY ปัจจัยหลักเป็นผลจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นมาก นอกจากนี้ DRT ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 60 เติบโต 5% YoY
- TMB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 2.70 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 -14% Q-Q, -35% Y-Y น้อยกว่าที่เราและตลาดคาดไว้จากการตั้งสำรอฯที่สูงกว่าคาดเพื่อรองรับการ Write-off หนี้ NPL แต่ PPOP ยังแข็งแกร่งจากการบริหารต้นทุนเงินฝาก ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คุณภาพหนี้ดีขึ้นหลังมีการกำจัดออกตั้งแต่ Q2/59 ต่อเนื่องในไตรมาสนี้ทำให้ NPL Ratio ลดเหลือ 2.5% ขณะ Coverage ratio ยังแกร่งที่ 142% คงประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้า
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 12 บาท แนวโน้มกำไร Q3/59 สดใส โดยคาด +30% Q-Q เป็น 656 ล้านบาท จากการเริ่มให้บริการทางด่วนศรีรัช-วงแหวนรอบนอกและได้รับค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงตั้งแต่เดือน ส.ค.และการประหยัดดอกเบี้ยจ่ายหลังรีไฟแนนซ์หนี้กลางปีที่ผ่านมา ปี 60 จะเป็นอีกปีที่สดใส เพราะรับรู้รายได้เต็มปีจากทางด่วนเส้นใหม่และค่าจ้างเดินรถสายสีม่วง และประหยัดดอกเบี้ยจ่ายอีกปีละกว่า 300 ล้านบาท จึงยังมีมุมมองเป็นบวกต่อเนื่องในระยะยาว