นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ คาดมีโอกาสที่จะเดินหน้าต่ออีกเล็กน้อย การแกว่งตัวของดัชนีฯ จะเป็นในลักษณะ Sideway เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยบวกหรือลบที่เด่นชัดเข้ามาในตลาด เป็นผลให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรช่วงสั้น ๆ ตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาดในระหว่างวันจะเป็นทิศทางค่าเงินบาท โดยหากเงินบาทอ่อนค่ามากกว่าเงินเอเชียอื่น ๆ จะเป็นลบต่อตลาดหุ้น ,ราคาน้ำมันดิบในตลาด และผลการประชุมคณะรัฐมนตรี โดยมองกรอบดัชนีวันนี้ที่ระดับ 1,488-1,504 จุด
ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นส่วนใหญ่ อยู่ในกรอบ Sideway เนื่องจากนักลงทุนเริ่มชะลอการซื้อหุ้นลง หลังปัจจัยที่เคยเป็นบวกต่อตลาดหลาย ๆ ตัวเริ่มลดจำนวนลง การสูงขึ้นของตลาดหุ้นบางแห่งเป็นผลให้นักลงทุนเริ่มขายทำกำไรกัน
ตัวแปรสำคัญตัวหนึ่ง คือ เรื่องดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นดัชนี benchmark ของดอกเบี้ยของประเทศอื่น ๆ ซึ่งในวันนี้นักลงทุนเริ่มรับรู้และปรับพอร์ตรอรับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯไปบ้างแล้ว นอกจากนี้ ยิ่งใกล้วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเข้ามา จะทำให้นักลงทุนต่างรอดูผลการเลือกตั้งครั้งนี้ เนื่องจากมีผลต่อนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯในช่วงต่อไป โดยเฉพาะหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน เป็นผู้ชนะการเลือกตั้ง
ส่วนผลกำไรไตรมาส 3 ที่กำลังมีการรายงานอยู่เป็นปัจจัยเฉพาะตลาด และยังส่งผลบวกมาถึงตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ในคืนที่ผ่านมา ตัวเลข PMI ของยุโรป เดือน ต.ค.เพิ่มจาก 52.6 เป็น 53.7 จุด ในเดือนนี้ บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจยุโรปขยายตัวดี
ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนตัวลง หลังการหารือระหว่างผู้ผลิตน้ำมัน รวมถึงรัสเซียและซาอุดิอาระเบีย ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ที่ผลการหารือออกมาเพียงแค่ผู้ผลิตน้ำมันจะให้ความร่วมมือกัน แต่ยังไม่สามารถกำหนดโควต้าผลิตน้ำมันของประเทศที่จะเข้าร่วมโครงการได้ ทำให้นักลงทุนต้องมารอดูกันต่อว่า ก่อนที่จะถึงวันประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) กับผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่ม ในวันที่ 30 พ.ย. จะมีตัวเลขโควต้าผลิตออกมาหรือไม่ ช่วงสั้น ๆ จะทำให้ราคาน้ำมันดิบทรง ๆ ตัวแถว 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ ความกังวลที่มีต่อบางปัจจัยกำลังลดระดับลง จึงดูเป็นบวกกับตลาดมากขึ้น นอกจากนี้ การที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการไปเมื่อวานนี้ (24 ต.ค.) จะทำให้นักลงทุนที่รอซื้อหุ้น กลับเข้ามาซื้อหุ้นกันตามปกติด้วย
"กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ ภาพรวมของตลาดแม้เราจะคาดทิศทางดัชนีฯว่าจะสูงขึ้น แต่ด้วยแรงซื้อที่ยังมีอยู่จำกัด จึงแนะให้เลือกเพียงหุ้นเด่นของบางกลุ่มที่พอจะไปต่อได้ที่มีปัจจัยบวกหนุน มีความเสี่ยงต่ำ ในขณะที่หุ้นขนาดเล็กคาดจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง จากการเข้ามาเก็งงบไตรมาส 3 หุ้นที่ที่แนะนำวันนี้ CPALL,CENTEL,ILINK,TAE,VNG,SCI,LOXLEY" นายมงคล กล่าว