นายศาศวัต ศิริสรรพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) กล่าวว่า การที่บริษัทเข้าไปรับงานในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจะช่วยสนับสนุนให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศของบริษัทภายในอีก 5 ปีข้องหน้า หรือภายในปี 64 เพิ่มขึ้นเป็น 50% จากปัจจุบันอยู่ที่ 20% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพียงการรับงานที่เหมืองถ่านหินหงสาใน สปป.ลาวเท่านั้น
ทั้งนี้ บริษัทมองเห็นถึงโอกาสในการขยายการรับงานในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเฉพาะในกลุ่ม CLMV ซึ่งคาดว่าจะมีงานต่างๆ ทยอยออกมามากขึ้น ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าไปรับงานเหมืองดีบุกในประเทศเมียนมา โดยได้เจรจากับพันธมิตรท้องถิ่น แต่เบื้องต้นยังไม่ได้ข้อสรุป
นายศาศวัต กล่าวว่า ในปี 60 บริษัทเตรียมเข้าประมูลงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ 2 โครงการ มูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 2.32 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการเหมืองถ่านหิน-เซกอง ประเทศลาว มูลค่า 1.2 หมื่นล้านบาท และโครงการเหมืองถ่านหินแม่เมาะ 9 มูลค่าไม่ต่ำกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะไตรมาส 4/59 การทำงานต่าง ๆ เดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่ฝนเริ่มหยุดตก
ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยจะรับรู้รายได้ในระยะ 10 ปีจากนี้ เป็นการเฉลี่ยรับรู้รายได้ปีละเท่า ๆ กัน
นายศาศวัต กล่าวว่า วันนี้บริษัทมีความพอใจราคาหุ้น SQ ที่เข้าเทรดวันแรกช่วงเปิดการซื้อขายที่ 4.22 บาท เพิ่มขึ้น 31.88% จากราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ที่ 3.20 บาท โดยบริษัทมองว่านักลงทุนให้ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของบริษัทที่มีความมั่นคง และมีรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ประกอบกับบริษัทมีสัญญางานรับเหมาในระยะยาวซึ่งรองรับการเติบโตในอนาคต
ด้านนายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการร่วมการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นบมจ.สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) กล่าวว่า การปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้น SQ ในช่วงเปิดทำการซื้อขายวันแรก แสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังมีความเชื่อมั่นในพื้นฐานของบริษัท ซึ่ง SQ ถือว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่มีพื้นฐานดี เพราะบริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเฉพาะทางที่มีคู่แข่งน้อยราย
ประกอบกับมีคู่ค้าที่มีชื่อเสียง และมีอายุสัญญาโครงการไม่น้อยกว่า 10 ปี/โครงการ ทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าบริษัทจะไม่เกิดสูญากาศทางธุรกิจ และแนวโน้มของรายได้ที่มีความสม่ำเสมอและมีความมั่นคง ประกอบกับผู้บริหารมีการพัฒนาศักยภาพการทำงานและนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ ช่วยซึ่งผลักดันให้ธุรกิจของ SQ มีการเติบโตได้อย่างดีในอนาคต