หุ้น SQ ปิดเทรดวันแรกที่ 4.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.80 บาท (+25.00%) จากราคาขาย IPO ที่ 3.20 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 2,972.95 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 4.22 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 4.42 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 3.98 บาท
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นเพิ่มทุน บมจ. สหกลอิควิปเมนท์ (SQ) ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น SQ ประเมินราคาเป้าหมายด้วยวิธีส่วนลดกระแสเงินสดเท่ากับ 4.25 บาท โดยคาดแนวโน้มผลประกอบการในปี 2559-2561 จะเติบโตสูง คาดกำไรสุทธิในปี 2561 ทะยานพุ่งขึ้นเป็น 506 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 79%CAGR (2558-2561)
SQ ผู้นำอันดับ 1 ธุรกิจรับเหมาทำเหมืองถ่านหินในประเทศ โดยบริษัทฯ ให้บริการรับเหมาทำเหมืองเปิดครบวงจร ตั้งแต่การเปิดหน้าดิน ขุด ขน ดินและ ถ่านหิน สำหรับผลิตไฟฟ้า มีความพร้อมทั้งด้าน เครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ รวมถึงประสบการณ์ ความรู้ความสามารถ ร่วม 32 ปี เครื่องมือที่ใช้ในการทำเหมืองมีการคิดค้น และ พัฒนาต่อยอดโดยบริษัทฯเองมีประสิทธิภาพในแง่ปริมาณการขุดขนกว่าเครื่องทั่วไปกว่า 2 เท่า ทำให้เป็นผู้นำอันดับหนึ่งที่ได้งานรับเหมาในการทำเหมืองถ่านหินที่แม่เมาะ มาโดยตลอด ในช่วงปี 2551-2558 บริษัทฯมีส่วนแบ่งรายได้จากการทำเหมืองรวม 56.5% และ เป็นหนึ่งในสองรายที่ได้ทำเหมืองถ่านหินที่หงสา อนาคตเหมืองแม่เมาะ และ หงสา ยังมีปริมาณถ่านหินที่จะรองรับการผลิตไฟฟ้าถึงปี 2588
บริษัทฯ มีงานในมือ ณ สิ้นปี 2558 สูงถึง 37,781 ล้านบาท สามารถรองรับรายได้ระดับ 3-4 พันล้านบาทได้อีก 10-11 ปีข้างหน้า โดยแบ่งเป็น โครงการเหมืองแม่เมาะ 7 มูลค่า 3,561 ล้านบาท โครงการเหมืองแม่เมาะ 8 มูลค่า 22,725 ล้านบาท และ โครงการเหมืองหงสา มูลค่า 11,743 ล้านบาท ทำให้แนวโน้มในช่วงปี 2559-2561 คาดจะเติบโตสูง เนื่องจาก รายได้จากสัญญาจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านหิน โครงการหงสาจะรับรู้เต็มที่ในปี 2560 โครงการแม่เมาะ 8 จะรับรู้เต็มที่ในปี 2561 หลังจากการเปิดหน้าดิน และ ติดตั้งเครื่องจักรหนักเสร็จ
ดังนั้น รวมแล้วรายได้ ในปี 2561 จะสูงถึง 4,389 ล้านบาท หรือ เติบโตเฉลี่ย 33%CAGR (2558-2561) และจะทำให้กำไรสุทธิในปี 2561 ทะยานพุ่งขึ้นเป็น 506 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 79%CAGR (2558-2561)