นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะซึมเล็กน้อย เนื่องจากยังน่าจะมีการเล่นเก็งกำไรหุ้นบริษัทที่คาดว่าจะมีผลประกอบการออกมาดี และการเข้าลงทุนของกองทุน LTF ช่วงปลายปี แต่ตลาดฯอาจได้รับแรงกดดันบ้างจากแรงซื้อหุ้นขนาดใหญ่ยังไมี่เข้ามา ขณะที่เริ่มเห็นสัญญาณขายจากหุ้นขนาดกลาง-เล็กเมื่อวานนี้ด้วย
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้มีการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบเล็กน้อยราว 0.3-0.4% โดยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯช่วงนี้ออกมาดี พร้อมแนะนำให้ติดตามยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐในเดือน ก.ย.วันนี้ และผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐไตรมาส 3/59 วันพรุ่งนี้ เพราะอาจมีผลต่อการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) ในสัปดาห์หน้า รวมทั้งต้องติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯด้วย
พร้อมให้กรอบการแกว่งวันนี้ที่ 1,480-1,504 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,199.33 จุด เพิ่มขึ้น 30.06 จุด (+0.17%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,250.27 จุด ลดลง 33.13 จุด (-0.63%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,139.43 จุด ลดลง 3.73 จุด (-0.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 45.45 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 3.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 21.76 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 1.65 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.35 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 2.57 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.03 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 ต.ค.59) 1,492.12 จุด ลดลง 14.35 จุด (-0.95%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,093.17 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ต.ค.59) ปิดที่ 49.18 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.6%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ต.ค.59) ที่ 7.21 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.04/05 แนวโน้มอ่อนค่า มองกรอบ 35.00-35.15
- ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) สำนักงานประเทศไทย รายงานผลการวัดความยากง่ายหรือความสะดวกในการประกอบธุรกิจในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ประจำปี 2560 (Doing Business 2017) พบว่าประเทศไทยอยู่อันดับที่ 46 จาก 190 ประเทศทั่วโลก ปรับดีขึ้นจากอันดับ 49 ในปีที่แล้ว เนื่องจากสามารถแก้ไขปรับปรุงใน 3 ด้าน คือ การสร้างระบบการบริการจ่ายเงินลงทะเบียนไว้ที่จุดเดียวกัน และลดระยะเวลาในการขอรับตราประทับของบริษัท
- กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือน ก.ย. 2559 มีมูลค่า 1.94 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มีมูลค่าสูงสุดในรอบ 23 เดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2557 เพิ่มขึ้น 3.43% เทียบกับเดือน ก.ย. 2558 เป็นการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สองในรอบปีนี้ ส่วนการนำเข้าเดือน ก.ย. 2559 มีมูลค่า 1.69 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 5.57% ส่งผลให้ไทยเกินดุลการค้า มูลค่า 2,545 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้ สศค.จะปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมก่อนหน้านี้คาดว่าจะขยายตัวได้ 3.3% ส่วนจะปรับอย่างไรอยู่ระหว่างการประเมินภาพรวมเศรษฐกิจทั้งหมด
- หนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ส.ค. 2559 มีจำนวน 5.94 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 42.64% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แบ่งเป็นหนี้รัฐบาล 4.42 ล้านล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน 9.95 แสนล้านบาท หนี้ของรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน 5.07 แสนล้านบาท และหนี้หน่วยงานของรัฐ 2.32 หมื่นล้านบาท เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้า หนี้สาธารณะคงค้างลดลงสุทธิ 1.03 หมื่นล้านบาท
- คลังสั่งศุลกากรร่อนหนังสือถึงกฤษฎีกาหาข้อสรุปข้อเท็จจริงกฎหมายกรณีปัญหาภาษีการส่งน้ำมันไปเขตพื้นที่สัมปทานปิโตรเลียมของเชฟรอน
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 600 บาท กำไรสุทธิ Q3/59 เป็นไปตามเราและตลาดคาด -12% Q-Q, +57% Y-Y ธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีเป็นตัวหนุนผลการดำเนินงาน ชดเชยธุรกิจวัสดุก่อสร้างที่ชะลอได้ กำไรงวด 9M16 +28% Y-Y และคิดเป็น 87% ของประมาณการทั้งปี โดยแนวโน้มกำไร Q4/59 จะชะลอเพราะมีหยุดซ่อมโรงงานปิโตรฯ 40 วัน
- LIT (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 14 บาท ได้อานิสงส์เต็มที่จากโครงการภาครัฐที่มีต่อเนื่องเพราะฐานลูกค่า 70-80% เป็น SMEs ซึ่งรับงานต่อมาจากภาครัฐ โดยเฉพาะใน Q3/59 ที่เป็นช่วงก่อนปิดงบประมาณประจำปีของรัฐ จึงดาดกำไรทำ new high +20% Q-Q, +67% Y-Y และปรับกำไรปี 59-60 ขึ้นเป็น +43% และ +24% ตามลำดับ ปัจจุบันมี PE ปี 60 ที่ 18 เท่า ต่ำกว่าการเติบโตของกำไรใน 3 ปีข้างหน้าที่ 22%
- BCP (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 40 บาท คาด Q3/59 จะมีกำไรสุทธิ 1,058 ล้านบาท อ่อนตัวราว 56%QoQ กำไรไม่ค่อยสดใสหลังถูกกดดันจากค่าการกลั่นและค้าปลีกน้ำมันฯ แต่แนวโน้มช่วง Q4/59 คาดว่ากำไรจะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับปกติที่ 1,400 ล้านบาท คาดฟื้นตัวดีขึ้นทุกหน่วยธุรกิจ เนื่องจากเป็น High Season ส่วนการเติบโตของกำไรในปีหน้าจะมาจากการเดินเครื่องโรงกลั่นเต็มกำลัง และรับทยอยส่วนแบ่งกำไรจาก BCPG เข้ามามากขึ้น
- BDMS (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 28 บาท ประกาศซื้อหุ้นโรงพยาบาลเมโย 1.4 พันล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ PE ที่ 34x โดยใช้เงินลงทุนจากการกู้สถาบันการเงิน และเป็น Upside ต่อกำไรประมาณ 1%
- ESSO (ธนชาต) "ซื้อ"เป้า 11.50 บาท (เดิม 7.70 บาท) แม้ราคาหุ้นปรับสูงขึ้นแรงในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่ด้วย PE ที่ 7.7x และราคาหุ้นต่ำกว่า NAV 57% (ขณะที่โรงกลั่นอื่นราคาต่ำกว่า NAV ประมาณ 31-34%) และ Potential ของบริษัทที่จะสามารถทำกำไรได้ดีขึ้นในอนาคต