นายวศิน วณิชย์วรนันต์ ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย ประกาศความร่วมมือกับธนาคารเอชเอสบีซีหลังจากได้รับอนุมัติให้เข้าลงทุนผ่านโครงการ Renminbi Qualified Foreign Institutional Investor (RQFII) เป็นรายแรกในประเทศไทย ซึ่งโครงการดังกล่าวเปิดโอกาสให้นักลงทุนประเภทสถาบันการเงินต่างชาติสามารถเข้าไปลงทุนโดยตรงในประเทศจีนโดยใช้สกุลเงินหยวน (Onshore RMB)
ในด้านมุมมองการลงทุน มีความเชื่อมั่นต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดยเชื่อว่านโยบายการปฏิรูปเศรษฐกิจของทางการจีนยังเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจจีนในระยะยาว โดยเฉพาะการใช้จ่ายของรัฐบาลและการออมในประเทศที่มีอยู่ในระดับสูง ทั้งนี้การได้รับใบอนุญาต RQFII ในครั้งนี้ จะทำให้บริษัทสามารถเข้าไปลงทุนในตลาดหลักทรัพย์จีน และตราสารหนี้ของสถาบันการเงินในประเทศจีนได้โดยตรง ซึ่งจะช่วยเพิ่มขอบเขตการลงทุนหรือโอกาสในการคัดเลือกตราสารที่จะให้ผลตอบแทนที่ดีขึ้น
นอกจากนี้ในช่วงต้นปีหน้า บริษัทยังมีแผนที่จะออกกองทุนใหม่ที่ไปลงทุนในตราสารหนี้เอเชีย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะลงทุนในตราสารหนี้รัฐบาลจีนเป็นส่วนใหญ่ และอาจมีลงทุนในตราสารหนี้เอกชนบางส่วนด้วย
การเข้าไปลงทุนโดยตรงในจีนครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของบริษัทในการขยายศักยภาพการลงทุนโดยตรงไปในภูมิภาคต่างๆ ซึ่งล่าสุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จกับการออกกองทุน K-AEC ที่เข้าไปลงทุนโดยตรงในหุ้นอาเซียนแล้ว และปัจจุบันบลจ.กสิกรไทยมีความเป็นผู้นำในการออกผลิตภัณฑ์กองทุนรวมที่มีความหลากหลาย กระจายลงทุนครอบคลุมไปในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก โดย ณ สิ้นเดือน มิ.ย.59 มีสินทรัพย์สุทธิในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (ไม่นับกองทุนประเภท term fund) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 121,927 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ที่ 34.79% (ที่มา: Morningstar, 30 มิ.ย.59)
ที่ผ่านมา บลจ.กสิกรไทย มีการลงทุนในประเทศจีนอยู่แล้ว โดยในส่วนตลาดหุ้นจะลงทุนผ่านกองทุนหลักและกองทุน ETF ในต่างประเทศขณะที่ตลาดตราสารหนี้จะลงทุนในเงินฝากของธนาคารของจีนโดยผ่านสาขาในฮ่องกงและมาเก๊า
ทั้งนี้ จากการได้รับอนุมัติดังกล่าวทำให้ บลจ.กสิกรไทย เป็นนักลงทุนสถาบันของไทยรายแรกที่ได้รับใบอนุญาตภายใต้โครงการ RQFII ของประเทศจีน ซึ่งใบอนุญาตนี้จะกำหนดให้บริษัทจัดการกองทุนสามารถนำเงินไปลงทุนทั้งในตลาดหลักทรัพย์ และตราสารหนี้ในประเทศจีนผ่านการใช้สกุลเงินหยวน ขณะที่ธนาคารเอชเอสบีซีจะเข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้รับฝากทรัพย์สินให้แก่ บลจ.กสิกรไทย
นอกจากนี้ ธนาคารเอชเอสบีซี ยังถือเป็นธนาคารผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินในประเทศจีน ที่ให้บริการแก่โครงการ RQFII สำหรับ บลจ.ในประเทศไทยเป็นรายแรกด้วยเช่นเดียวกัน หลังจากที่ครองตำแหน่งผู้ให้บริการแก่โครงการดังกล่าวเป็นรายแรกในหลายประเทศก่อนหน้านี้
เมื่อเดือน ธ.ค.58 ทางการจีนได้ประกาศขยายโครงการ RQFII โดยจัดสรรโควต้าให้แก่ประเทศไทยเป็นมูลค่า 50,000 ล้านหยวน (หรือประมาณ 7.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ธนาคารเอชเอสบีซีจึงได้ให้ความร่วมมือแก่ บลจ.กสิกรไทยในการยื่นขอรับใบอนุญาต RQFII นี้ในประเทศไทย และธนาคารจะเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินแก่ บลจ.กสิกรไทยในประเทศจีนครั้งนี้ด้วย
นายเอียน แบงค์ หัวหน้าฝ่ายบริการหลักทรัพย์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ธนาคารรู้สึกยินดีที่จะได้ร่วมงานกับบลจ.กสิกรไทย ในบทบาทการเป็นผู้ลงทุนสถาบันแห่งแรกจากโครงการ RQFII ในประเทศไทย ซึ่งจะเป็นบทบาทใหม่ที่ท้าทายและถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญในการเข้าสู่การเปิดเสรีตลาดทุนในประเทศจีน
ณ เดือน ก.ย.59 เอชเอสบีซีเป็นธนาคารผู้รับฝากทรัพย์สินของโควต้าวงเงินการลงทุนภายใต้โครงการ RQFII ให้ประเทศต่างๆ รวมแล้วเป็นมูลค่า 266,300 ล้านหยวน คิดเป็น 52.09% ของมูลค่าการลงทุนที่ได้รับอนุมัติทั้งหมดภายใต้โครงการนี้ นอกจากนี้เอชเอสบีซียังทำสถิติการเป็นธนาคารผู้ให้บริการรายแรกแก่นักลงทุนสถาบันหลายแห่ง รวมถึงเป็นผู้ให้บริการรับฝากทรัพย์สินรายแรกในโครงการ RQFII ทั้งในออสเตรเลีย แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี เกาหลี ลักเซมเบิร์ก สิงคโปร์ สวิตเซอร์แลนด์ และอังกฤษ และเป็นธนาคารต่างชาติรายแรกที่ให้บริการรับฝากทรัพย์สินในโครงการ RQFII ในประเทศสิงคโปร์และฮ่องกง