ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงเช้าวันนี้ที่ระดับ 1,491.76 จุด ลดลง 0.36 จุด (-0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 24,103.72 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,499.06 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,488.72 จุด
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ แม้ว่าดัชนีฯจะรีบาวด์ได้ระหว่างเทรดแต่ก็ยังไม่ผ่านแนว 1,500 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบ นอกจากนี้ราคาน้ำมันดิบยังต่ำกว่า 50 เหรียญฯ/บาร์เรล แม้สต็อคน้ำมันสหรัฐฯเมื่อคืนที่ผ่านมาจะลดลง แต่ไม่สามารถชดเชยความกังวลเกี่ยวกับการประชุมโอเปคในเดือนหน้าได้ เพราะนักลงทุนยังไม่มั่นใจว่าจะมีบทสรุปลดกำลังการผลิตหรือไม่ หลังจากที่อิรักและรัสเซียระบุว่ายังไม่มีแนวโน้มลดกำลังการผลิตน้ำมัน จึงควรติดตามในวันประชุมจริง
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามทิศทาง Fund Flow หลังจากที่ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ (Bond yield) อายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นมาเกือบแตะ 1.8% ซึ่งสูงมาก ทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการ take profit ตลาดหุ้นได้ สำหรับตัวเลขส่งออกของไทยในเดือน ก.ย.ที่ออกมาขยายตัว3.4% ถือว่าดีกว่าที่คาด แต่ก็เป็นไปตามที่สื่อหลายแขนงนำเสนอมาก่อนหน้านี้แล้ว
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายณัฐชาต กล่าวว่า ตลาดฯคงยังนิ่ง เพราะวอลุ่มเทรดค่อนข้างบาง พร้อมให้แนวรับ 1,480 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,330.74 ล้านบาท ปิดที่ 18.40 บาท ลดลง 0.30 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 975.75 ล้านบาท ปิดที่ 172.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
BCPG มูลค่าการซื้อขาย 889.80 ล้านบาท ปิดที่ 14.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท
SCC มูลค่าการซื้อขาย 818.85 ล้านบาท ปิดที่ 502.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
BEM มูลค่าการซื้อขาย 663.30 ล้านบาท ปิดที่ 7.45 บาท ลดลง 0.05 บาท