PTTEP คงเป้าปริมาณขายปี 59 ระดับเดียวกับปีก่อนที่ 3.22 แสนบาร์เรล/วัน รักษา EBITDA Margin ที่ 65/70%

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 27, 2016 13:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) ยังคงเป้าหมายที่จะรักษาปริมาณการขายในปีนี้ให้อยู่ในระดับเดียวกับปี 58 ที่ประมำณ 322,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน และจะยังคงสามารถรักษาระดับ EBITDA Margin ที่ 65-70% ได้

ทั้งนี้ บริษัทมองแนวโน้มภาพรวมธุรกิจในไตรมาส 4/59 ว่า ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มสูงขึ้นจากช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ โดยมีปัจจัยเชิงบวกหลักที่สนับสนุนคือ การเจรจาเบื้องต้นในการร่วมมือกับของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกในการลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันดิบโลก ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปชัดเจนในการประชุมช่วงปลายเดือน พ.ย.59 ณ กรุงเวียนนา

นอกจากนั้น อุปสงค์น้ำดิบมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องตามสภาพเศรษฐกิจของโลกที่ขยายตัวขึ้น โดย U.S. Energy Information Administration (EIA) ประเมินว่าความต้องการน้ำมันดิบโลกในปี 59 จะสูงขึ้นจากปี 58 ประมาณ 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามทิศทางราคาน่ำมันดิบอย่างใกล้ชิดเนื่องจากยังคงมีปัจจัยที่กดดันราคาน้ำมันจากความพยายามที่จะเพิ่มการผลิตของประเทศไนจีเรียและประเทศลิเบีย อีกทั้งมีความเป็นไปได้ที่อุปทานจากสหรัฐจะกลับมาเพิ่มขึ้นอันเห็นได้จากจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บริษัทคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะยังคงกดดันให้ราคาน้ำมันดิบดูไบในไตรมาส 4/59 มีความผันผวนในช่วง 45-55 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งจะส่งผลต่อราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่อิงกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาในการร่วมมือกันของกลุ่มโอเปกและนอกโอเปกไม่ประสบความสำเร็จ ก็อาจกดดันให้ราคาน้ำมันดิบลดลงต่ำกว่าคาดการณ์ รวมถึงความกังวลต่อเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศซีเรีย ซึ่งหากลุกลามอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบได้

สำหรับราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทนั้นมีโครงสร้างราคาส่วนหนึ่งผูกกับราคาน้ำมันย้อนหลัง 6-12 เดือน จึงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงในไตรมาส 4/59 เนื่องจำกได้รับแรงกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่อยู่ในระดับต่ำในช่วงเวลาที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับราคาก๊าซธรรมชาติที่ลดลง บริษัทได้มีการบริหารจัดกำรต้นทุนอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่อัตรำแลกเปลี่ยนนั้น สถาบันการเงินหลายแห่งคาดการณ์ว่าค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าลง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปลายปี 59 อย่ำงไรก็ดี การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อตลาดเงิน โดยรวมสถำนการณ์ตลาดเงินยังคงมีควำมผันผวนและต้องติดตามอย่างใกล้ชิด

ผลประกอบการของ PTTEP จะได้รับผลกระทบส่วนใหญ่ในรูปของภาษีเงินได้จากอัตราแลกเปลี่ยนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเกิดจากความแตกต่างของสกุลเงินที่ใช้ในการยื่นภาษีกับสกุลเงินที่ใช้ในการบันทึกบัญชี แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีผลต่อกระแสเงินสด สำหรับอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นนั้น บริษัทคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อภาระดอกเบี้ยของบริษัทอย่างมีสาระสำคัญ เนื่องจากโครงสร้างอัตราดอกเบี้ยเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่มากกว่า 80% ของภาระหนี้ทั้งหมด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ