(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซด์เวย์อิงปรับฐานหวั่น Fund Flow ไหลออก-บาทอ่อน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 28, 2016 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ อิงปรับฐานในกรอบจำกัดราว 1,490-1,510 จุด เนื่องจากธนาคารกลางที่เคยดำเนินนโยบายผ่อนคลายมานานอาจดึงเงินกลับ และคาดการณ์ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ ทำให้ Bond yield ของสหรัฐและเยอรมันปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ซึ่งอาจว่งผลให้ Fund Flow ไหลออกได้ง่ายขึ้น

รวมทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐฯที่แข็งค่าขึ้นและเงินบาทอ่อนค่าก็เป็นอีกปัจจัยที่กระตุ้นให้นักลงทุนต่างชาติขาย ซึ่ง 2-3 วันที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติขายออกมามากขึ้น

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย แนะติดตามทิศทาง Bond yield ของทั่วโลก เพราะมีผลต่อ Fund Flow

พร้อมให้แนวรับ 1,490 จุด ส่วนแนวต้าน 1,505-1,510 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,169.68 จุด ลดลง 29.65 จุด (-0.16%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,215.97 จุด ลดลง 34.30 จุด (-0.65%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,133.04 จุด ลดลง 6.39 จุด (-0.30%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 111.83 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 0.65 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 43.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 7.84 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 2.15 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 5.23 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.58 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 2.22 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 ต.ค.59) 1,498.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.24 จุด (+0.42%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,366.45 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 ต.ค.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 ต.ค.59) ปิดที่ 49.72 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 ต.ค.59) ที่ 7.55 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.14 อ่อนค่าลง หลังตัวเลขศก.สหรัฐฯ ออกมาดี หนุนดอลลาร์แข็งค่า
  • ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 ผู้ประกอบการได้ชะลอแผนการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมกว่า 4,000 ยูนิต ออกไปเปิดขายในปี 2560 แทน เนื่องจากปัจจัยภายในประเทศที่มากระทบส่งผลให้บรรยากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ โดยประเมินว่าไตรมาส 4 จะมีคอนโดเปิดใหม่ประมาณ 2 หมื่นยูนิต จากเดิมคาดว่าจะเปิด 2.4 หมื่นยูนิต ขณะที่ช่วงเดียวกันของปี 2558 มีโครงการเปิดใหม่รวม 2.9 หมื่นยูนิต
  • ประชาสัมพันธ์สภาเครือข่ายยางและสถาบันเกษตรกรยางพาราแห่งประเทศไทย (สยยท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์ยางพาราเกิดภาวะขาดแคลนอย่างหนัก เนื่องจากภาคใต้ของไทยอยู่ในช่วงปิดหน้ายางเพราะเข้าสู่ฤดูฝน ไม่เพียงแต่ไทยเท่านั้น ทางอุตสาหกรรมแปรรูปยางพาราในประเทศมาเลเซียประสบปัญหายางไม่เพียงพอเช่นเดียวกัน
  • ส.อ.ท.ชี้ต้นปีหน้าเอกชนทั้งในและนอกประเทศแห่ลงทุนไทย หลังพบเศรษฐกิจโลกและสหรัฐอเมริกาปรับตัวดีขึ้น คลังมั่นใจจีดีพีทั้งปี 2559 โตเกิน 3% แน่นอน
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานว่า สิ้นเดือน ก.ย.59 ระบบธนาคารพาณิชย์มียอดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ที่ยังไม่กันสำรอง (Gross NPL) อยู่ที่ 3.94 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.89% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าที่มี 3.74 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.72% โดยเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 5.36% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มี 3.61 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.79% ของสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 9.14%
  • คมนาคมชงใช้ ม.44 เซตซีโร่เลิกรถเมล์เอกชน 111 สัญญาทั้งใน กทม.ปริมณฑลย้ายไปซบอกขนส่งทางบก พร้อมเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบถึงปี 61 ขสมก.เป็นแค่ผู้แข่งขันรายหนึ่งเท่านั้น

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BPP เทรดวันนี้วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ในกลุ่มอุตสาหกรรมทรัพยากร หมวดธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค โดยเสนอขาย IPO 21 บาท/หุ้น

บมจ. บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์กำลังการผลิตเฉพาะส่วนที่บริษัทเป็นเจ้าของรวม 1,913 MW แบ่งเป็นโรงไฟฟ้าถ่านหิน 1,711.2 MW และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 56.6 MW โดยแบ่งเป็นโรงไฟฟ้าในประเทศไทย 1 แห่ง 717 MW ประเทศลาว 1 แห่ง 751.2 MW ประเทศจีน 5 แห่ง 293 MW และประเทศญี่ปุ่น 2 แห่ง 6.6 MW

  • ERW (แอพเพิล เวลธ์) "ซื้อ"เป้า 5.10 บาท คาดกำไร Q3/59 ที่ 56 ล้านบาท พลิกกลับเป็นบวกจากปีก่อนที่ติดลบ 20 ล้านบาท หลักๆ จากธุรกิจโรงแรมมีรายได้ที่ราว 1.32 พันล้านบาท เติบโต +13%YoY พร้อมคาดรายได้โรงแรม Q4/59 อาจทรงตัวหลังธุรกิจอาหารและ Event รื่นเริงบางส่วนถูกเลื่อนไป แต่คาดน่าจะค่อยๆ กลับมาฟื้นตัวดีอีกครั้งใน Q1/60 ซึ่งเป็นช่วง High Season และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น คาดปีนี้กำไรสุทธิ 351 ล้านบาท +77%YoY
  • SEAFCO (เคจีไอ) "ซื้อสะสม"เป้า Consensus 13.7 บาท แนวโน้มอุตสาหกรรมรับเหมาฯอยู่ในขาขึ้น จากงานประมูลภาครัฐฯที่จะทยอยออกมาต่อเนื่องในไตรมาส 4/59 (รถไฟฟ้าสีเหลือง+ชมพู / รถไฟรางคู่ มาบกะเบา-จิระ + ประจวบฯ-ชุมพร) โดยคาดรถไฟรางคู่ ประจวบฯ-ชุมพร จะเริ่มขายซอง พ.ย.นี้ พร้อมประเมินอุปทานเครื่องจักรสำหรับการตอกเสาเข็มในไทยจะเริ่มตึงตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เป็นต้นไป (งานภาครัฐฯ+ภาคอสังหาฯฟื้น) ส่งผลบวกต่อแนวโน้มอัตรากำไรงานเสาเข็ม
  • กลุ่มโรงกลั่น (TOP, BCP) "เก็งกำไร"ค่าการกลั่นฟื้นตัวดี ล่าสุด 7.55 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล จากที่ลงต่ำสุดตอนต้นเดือน ต.ค. (4.69 เหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล) รวมกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาทำให้มีความคาดหวังกำไรจากสต๊อกน้ำมันในไตรมาส 4/59 (จากที่มีผลขาดทุนในไตรมาส 3/59) (เคจีไอ)
  • TU (ยูโอบี เคย์เฮียน) กำไรปี 60 เติบโต 16.6% สูงสุดในกลุ่มอาหาร ได้ปรับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อน และการเติบโตมีโอกาสดีกว่าคาดจากการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต สำหรับดีลล่าสุด Red Lobster ซึ่งเป็นเครือข่ายร้านอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดบริษัทสามารถพลิกให้ธุรกิจกลับมากำไรได้ในปี 60

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ