หุ้น THANI ราคาวิ่งขึ้น 3.92% มาอยู่ที่ 5.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 54.71 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.24 น. โดยเปิดตลาดที่ 5.20 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.35 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 5.20 บาท
บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ราชธานีลิสซิ่ง (THANI) ราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 5.90 บาท จากความน่าสนใจดังนี้ ตลาดรถบรรทุกยังคงเติบโตสูงในปีหน้า โดยได้รับแรงหนุนจาก MEGA Project ของรัฐบาล และสถานการณ์สินค้าเกษตรกลับเข้าสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้ TRIS Rating ปรับเพิ่มอันดับเครดิตส่งผลให้ COF ปรับตัวลดลง
THANI รายงานกำไร Q3/59 ที่ 218 ล้านบาท (EPS 0.09) หรือเพิ่มขึ้น 0.7%QoQ และ 1.69%YoY จากสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้ รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 392 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.78%QoQ และ 12.89%YoY จากดอกเบี้ยจ่ายที่ปรับตัวลดลงในขณะที่ยังรักษาระดับรายได้ดอกเบี้ยรับไว้ได้ และ Credit Cost 1.5% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก Q2/59 ซึ่งอยู่ที่ 1.48% จากการที่บริษัทตั้งสำรอง General Reserve เพื่อรองรับกับมาตรฐานบัญชี IFRS 9 ที่จะบังคับใช้ในปี 62 จำนวน 70 ล้านบาท หากไม่นับรวมสำรองพิเศษดังกล่าวจะทำให้ Credit Cost ของ Q3/59 เหลือเพียง 0.89% เพิ่มขึ้นจาก Q2/59 ซึ่งอยู่ที่ 0.86% NPL Ratio 4.70% จาก 4.47% ในช่วง Q2
พร้อมคาดกำไรปี 60 ของ THANI ที่ 1,025 ล้านบาท(EPS 0.42) เติบโต 16.87% โดยมีปัจจัยบวกหลัก ๆ ดังนี้ Cost Of Fund ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา TRIS Rating ปรับเพิ่มอันดับเครดิตหุ้นกู้ของ THANI จาก BBB+ เป็น A- ส่งผลหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดปี 60 จำนวน 5,760 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22% ของเงินกู้ทั้งหมด มีดอกเบี้ยระหว่าง 4.7-4.8% ลงเหลือ 2.5-2.8% ทำให้เราคาดว่า COF ของ THANI จะปรับลดลงเหลือ 3.50% จากปี 59 ที่คาดไว้ที่ 3.68%
นอกจากนี้ สินเชื่อ ปี 60 คาดเติบโต 16.70% ปัจจุบัน Port สินเชื่อ THANI ประกอบด้วย รถบรรทุก 71%, Super Car 15% โดยมองว่าสินเชื่อรถบรรทุกใหม่และสินเชื่อรถ Super Car ซึ่งปัจจุบัน THANI เป็นเจ้าตลาดของรถประเภทนี้ จะเป็นตัว Drive ที่สำคัญในปีหน้าจากสถานการณ์สินค้าเกษตรที่กลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังจากที่เจอปัญหาภัยแล้งและโครงการลงทุน MEGA Project ของรัฐบาลช่วยกระตุ้นความต้องการรถบรรทุก
ส่วนประเด็น IFRS 9 ที่จะมีผลบังคับใช้ต้นปี 62 มองว่ายังอยู่ในวิสัยที่จัดการได้สำหรับ THANI โดยประเมินว่า ณ.สิ้นปี 61 LLR ของ THANI จะต้องอยู่ระดับ 1,820 – 2,100 ล้านบาท ณ.ระดับ NPL Ratio ที่ 4.5% โดยตั้งสำรองปีละ 570-660 ล้านบาท จะทำให้ LLR อยู่ที่ 2,064 – 2,100 ล้านบาท