นักวิเคราะห์ฯคาดดัชนีหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสปรับฐาน รับแรงกดดันจากปัจจัยต่างประเทศทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง ซึ่งจะกดดันการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของเฟด หลังสหรัฐเปิดเผยประมาณการเบื้องต้นตัวเลขจีดีพี ไตรมาส 3/59 ที่ออกมาดีกว่าคาด ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาในตลาด อีกทั้งกลุ่มผู้ซื้อหลักทั้งต่างชาติและกองทุนในประเทศก็ขาดแรงซื้อต่อเนื่อง น่าจะยังถ่วงภาพรวมการลงทุน โดยมองดัชนีมีแนวรับบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับฐานในวันนี้ หลังรับปัจจัยจากต่างประเทศที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจะกดดันต่อการลงทุนในหุ้นกลุ่มพลังงาน และการที่สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการเบื้องต้นสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3/59 ออกมาดีกว่าคาดการณ์ทำให้ตลาดมีความกังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
นอกจากนี้ตลาดหุ้นยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสู่ตลาด อีกทั้งตลาดมีการซื้อขายในระดับ P/E สิ้นปี 59 ที่ระดับ 16.6 เท่า ทำให้ยังไม่มีปัจจัยบวกที่จะขับเคลื่อนตลาดให้ปรับตัวขึ้นได้ รวมถึงมูลค่าการซื้อขายของกลุ่มหลักทั้งต่างชาติและกองทุนในประเทศ ก็ชะลอตัวลง หลังนักลงทุนกลุ่มนี้ขาดแรงซื้อต่อเนื่องทำให้ภาพตลาดรวมน่าจะเป็นลักษณะของการพักฐาน
พร้อมให้แนวรับบริเวณ 1,480 และแนวต้านที่ 1,510 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (28 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,161.19 จุด ลดลง 8.49 จุด (-0.05%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,190.10 จุด ลดลง 25.87 จุด (-0.50%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,126.41 จุด ลดลง 6.63 จุด (-0.31%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 85.52 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 108.99 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 23.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 8.13 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 21.13 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 6.56 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ปิดทำการในวันนี้
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (28 ต.ค.59) 1,494.44 จุด ลดลง 3.92 จุด (-0.26%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 972.81 ล้านบาท เมื่อวันที่ 28 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (28 ต.ค.59) ปิดที่ 48.70 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 1.02 ดอลลาร์ หรือ 2.1%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (28 ต.ค.59) ที่ 7.14 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.00/03 แข็งค่า หลังดอลลาร์อ่อนค่าจากความไม่แน่นอนเรื่องเลือกตั้งปธน.สหรัฐ
- ธุรกิจไทยแห่ลงทุนเพื่อนบ้าน ธปท.เผยครึ่งปีแรก พุ่ง 867% แบงก์เผยส่วนมากเป็นรายใหญ่ เริ่มเห็น เอสเอ็มอี "ใหญ่-กลาง" เข้าไปลงทุนมากขึ้น ส่วนรายเล็ก ยังยาก เหตุต้องมีทุนและภาวะเศรษฐกิจยังไม่เอื้อ
- ธุรกิจประเมินเปิดเออีซีเกือบปียังห่างเป้า เหตุโครงสร้างพื้นฐานไม่พร้อม เผชิญมาตรการกีดกัน การค้าที่ไม่ใช่ภาษี แนะเร่งสรุปบทเรียนแก้ข้อบกพร่อง มั่นใจศักยภาพเติบโตสูง
- จับตาประชุมแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ นายกฯ ส่อเคาะราคาจำนำยุ้งฉางตันละไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นบาท โดยการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันนี้ จะมีการพิจารณามาตรการดูแลราคาข้าวให้เกษตรกร หลังจากราคาข้าวเปลือกหอมมะลิตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
-เดือน ต.ค.นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1.5 หมื่นล้านบาท สูงสุดรอบ 1 ปี หวั่นปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศกดดัน โบรกเกอร์ชี้แรงซื้อต่างชาติผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว คาดแนวโน้มฟันด์โฟลว์ไหลออกจากนี้ไป ด้านสมาคม บล.มองแค่ปรับพอร์ตลงทุนไม่ควรตื่นตระหนก
- ธปท.เผยทิศทางนโยบายดอกเบี้ยต้องระมัดระวังการใช้มากขึ้น ข้อจำกัดเพิ่ม ระบุควรใช้เป้าหมายเงินเฟ้อแบบ Range target และการส่งสารถึงการดำเนินนโยบายให้เงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะปานกลางจะช่วยลดความไม่แน่นอนและรักษาความน่าเชื่อถือในการดำเนินนโยบายไว้ได้
- KCE (ธนชาต) แนะ"ซื้อ"ให้ราคาพื้นฐานที่ 145 บาท โดยมองอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ PCBs สำหรับรถยนต์มีการเติบโตต่อเนื่อง และด้วยการเพิ่มส่วนแบ่งตลาดอย่างต่อเนื่อง คาดกำไรเติบโตแกร่ง 45% ปีนี้ และ 27-24% ในปี 60-61
- SPALI (เคจีไอฯ) แนะ"Outperform" ราคาเป้าหมาย 28.20 บาท คาดว่ากำไรสุทธิ Q3/59 ลดลงทั้ง YoY และ QoQ จากรายได้ยอดโอนจะลดลงราว 27.4% QoQ เหลือ 4.6 พันล้านบาทจาก 6.3 พันล้านบาทใน Q2/59 คาดผลงาน Q3/59 ต่ำสุดของปีและจะฟื้นตัวใน Q4/59 ก่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแข็งแกร่งไปจนถึง H1/60 แต่จากผลงาน H1/59 และ Backlog พร้อมโอนใน H2/59 คิดเป็น 2.18 หมื่นล้านบาท หรือ 99% ของเป้าหมายรายได้ 2.2 หมื่นล้านบาท และคิดเป็น 92% ของประมาณการปีนี้ของ KGI ดั้งนั้น จึงยังคงประมาณการรายได้-กำไร
- TFG (เคจีไอฯ) แนะ"เก็งกำไร"เบื้องต้นคาดไตรมาส 3/59 จะพลิกเป็นกำไร เทียบกับขาดทุน 263 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 จากราคาไก่เฉลี่ยดีขึ้น (เพิ่มขึ้น 8% YoY และ 7% QoQ) และราคาหมูเฉลี่ยเพิ่มขึ้น YoY แต่ลดลง QoQ (เพิ่มขึ้น 2% YoY แต่ลดลง 8% QoQ) ขณะที่ยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น และการทำผลิตภัณฑ์แปรรูป (ไส้กรอก) มาร์จิ้นสูง ทั้งนี้ Consensus คาดกำไรไตรมาส 3/59 เฉลี่ยที่ 523 ล้านบาท (Turnaround YoY แต่ชะลอตัว QoQ)