KTBST คาด SET ปรับลงขาดปัจจัยบวก ต่างชาติขายหุ้นปรับพอร์ตมองกรอบ 1,484-1,498 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 31, 2016 10:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) ประเมินตลาดหุ้นไทยในวันนี้ ยังไม่มีข่าวในเชิงบวก และสัปดาห์นี้ภาพรวมมองเป็นลบจากการประชุมธนาคารทั้ง 3 แห่ง มองกรอบดัชนีวันนี้ที่ 1,484-1,498 จุด

ขณะที่ตลาดกำลังให้ความสนใจกับทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ แต่อาจรวมถึงธนาคารกลางอื่นๆ โดย 2 ข่าวสำคัญของตลาดหุ้นสหรัฐฯในคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา คือ การรายงานตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของสหรัฐในไตรมาส 3/59 ที่รายงานเป็นครั้งแรกจากทั้งหมด 3 ครั้ง โดยขยายตัว 2.9% สูงกว่าผลสำรวจของ Blomberg ที่ 2.5% และสูงกว่าไตรมาส 2/59 ที่ 1.4% เป็นการเพิ่มน้ำหนักให้โอกาสในการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ธ.ค.ให้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การที่ FBI เตรียมรื้อคดีการใช้เซิร์ฟเวอร์อีเมล์ส่วนตัวของนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทั้งๆที่คดีปิดไปแล้วเมื่อเดือน ก.ค.ขึ้นมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง เป็นปัจจัยลบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯและการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดด้วย ทำให้โอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ย (Fed Fund Futures probability) ปรับตัดลงจาก 70% เหลือ 74% แต่ด้วยโอกาสที่ยังสูงมาก และเรื่องของคลินตันเป็นตัวแปรที่ไม่น่าจะมีผลมาถึงผลการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ เชื่อว่าการปรับพอร์ตของนักลงทุนยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งจะยังเป็นลบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก และในสัปดาห์นี้จะมีการประชุมของ 3 ธนาคารกลางใหญ่ คือ ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) วันที่ 1 พ.ย. , คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) วันที่ 1-2 พ.ย.) และ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) วันที่ 3 พ.ย. ซึ่งแต่ละแห่งกำลังถูกจับตาก้าวต่อไปในการเดินนโยบายการเงิน

โดยเฉพาะ FOMC หรือเฟดนั้น ผลการประชุมนอกจากจะดูที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสวนทางกับที่ตลาดคาดหรือไม่ จะเป็นความเห็นหรือการตีความผลประชุมครั้งถัดไป 13-14 ธ.ค. ว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียวหรือขึ้นดอกเบี้ยแบบต่อเนื่อง

"แน่นอนว่าการประชุม 3 ธนาคารกลางครั้งนี้ มีความสำคัญต่อทิศทางตลาด และในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ยังมีตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐฯ อีกด้วยด้วย จะทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอดูผลประชุมและตัวเลขเศรษฐกิจตัวนี้"นายมงคล กล่าว

ขณะที่ตัวแปรสำคัญอีก ตัวหนึ่ง คือ การประชุมนอกรอบของผู้ผลิตน้ำมันที่ประเทศออสเตรีย ยังคงไม่ประสบความสำเร็จ ดังที่เราคาดไว้ว่าการผลักภาระไปให้ OPEC เป็นผู้ลดกำลังการผลิตหลักๆ ขณะที่กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันนอกกลุ่มใช้ข้ออ้างที่ว่าไม่สามารถควบคุมการผลิตน้ำมันของภาคเอกชนได้ จะทำให้สามารถตกลงกันได้ และท้ายที่สุดประเทศซาอุฯ เองอาจประกาศที่จะไม่ลดกำลังการผลิตก็เป็นได้ ทำให้ต้องมารอการประชุมนอกรอบครั้งต่อไป 25-26 พ.ย.แต่เนื่องจากมีการทิ้งช่วงค่อนข้างนาน ราคาน้ำมันน่าจะ side way ที่ระดับต่ำกว่า 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จนกว่าจะมีข่าวบวกเข้ามา

ส่วนปัจจัยในประเทศ ต้องมารอดูมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตัวต่อไปของรัฐบาล การรายงานผลประกอบการไตรมาส 3/59 ของบริษัทในตลาด จะยังเข้ามาต่อเนื่อง KTBST ประเมินว่านักลงทุนจะเริ่มหันไปสนใจต่อผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่กำลังอยู่ในช่วงของการทำ Preview กัน หุ้นขนาดใหญ่น่าจะพอทราบกันแล้วว่าจะออกมาในทางใด หุ้นขนาดกลางและเล็ก จึงน่าจะมีความคึกคักขึ้น โดยเฉพาะหุ้นที่คาดว่ากำไรจะออกมาดี โดยตัวแปรที่จะมีผลต่อตลาด ในระหว่างวัน จะเป็นค่าเงินบาท (หากอ่อนค่า หรือแข็งค่าน้อยกว่าเงินเอเซียอื่นๆ จะเป็นลบ) และผลประกอบการของบริษัทต่างๆ

สำหรับกลยุทธ์การลงทุน การที่นักลงทุนต่างประเทศขายหุ้นต่อเนื่องจะเป็นผลให้นักลงทุนกลุ่มอื่นๆ ทยอยขายตามเพราะในช่วงนี้เอง ตลาดยังไม่มีข่าวในเชิงบวก และสัปดาห์นี้ภาพรวมๆ มองเป็นลบจากการประชุมธนาคารทั้ง 3 แห่ง ด้วย ดังนั้นยังแนะนำให้ชะลอการลงทุน ลดการถือหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อไว้มาก และหุ้นนั้นไม่มีปัจจัยบวกที่จะพยุงราคาไว้ หุ้นที่แนะนำได้แก่ WICE,BA,TU,LPH


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ