นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งตัวในกรอบ มองว่าน่าจะอยู่ในช่วงของการรอปัจจัยจากภายนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ), การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในสัปดาห์หน้า และราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงก็เป็นผลจากการที่กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันไม่สามารถตกลงกันได้ในเรื่องกำลังการผลิต ทำให้คงจะยังไปกดดันหุ้นในกลุ่มพลังงาน
อย่างไรก็ดี ตลาดฯคงจะเป็นลักษณะของการเทรดดิ้งในกรอบ โดยถ้าดัชนีฯยังยืนเหนือระดับ 1,486-1,490 จุด ได้ทิศทางก็ยังใช้ได้ แต่ถ้าหลุดก็อาจจะเกิดแรงขายตามออกมา สำหรับหุ้นในกลุ่มรับเหมาฯก็อาจจะมีการเล่นตามข่าวได้ ในเรื่องการประมูลโครงการรถไฟฟ้า
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อยคละกัน โดยแต่ละตลาดฯคงจะเคลื่อนไหวตามปัจจัยของแต่ละตลาดฯกันไปก่อน อย่างตลาดหุ้นไทยก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป
พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,486-1,500 จุด
ประเด็นการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (31 ต.ค.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,142.42 จุด ลดลง 18.77 จุด (-0.10%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,189.13 จุด ลดลง 0.97 จุด (-0.02%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,126.15 จุด ลดลง 0.26 จุด (-0.01%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 44.48 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.17 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 80.52 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 17.82 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 4.78 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 0.21 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ เพิ่มขึ้น 1.10 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (31 ต.ค.59) 1,495.72 จุด เพิ่มขึ้น 1.28 จุด (+0.09%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,458.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.59
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (31 ต.ค.59) ปิดที่ 46.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.84 ดอลลาร์ หรือ 3.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (31 ต.ค.59) ที่ 7.20 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 35.01 ทรงตัว รอดูผลประชุมบีโอเจวันนี้,จับตาประชุมเฟด-เลือกตั้งปธน.สหรัฐ
- ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยถึงสถานการณ์การออมของประเทศในปีนี้ ยอมรับว่ามีอัตราการเติบโตที่ลดลง โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ยอยู่ที่ 11% ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2552-2553 ที่มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 16% ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ของประชาชนที่ลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ในภาพรวมแล้วถือว่าไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากสถานการณ์การออมยังอยู่ในระดับที่สูงกว่าการลงทุนของประเทศ โดยปัจจุบันการออมของประเทศคิดเป็น 33% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ต่อไตรมาส ขณะที่การลงทุนคิดเป็น 25% ต่อจีดีพีต่อไตรมาส ถือเป็นตัวสะท้อนได้ว่าประเทศไทยยังมีสภาพคล่องในระบบค่อนข้างสูง
- รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 ขยายตัวอยู่ที่ 0.06% โดยเดือน ก.ย. 2559 ขยายตัวอยู่ที่ 0.6% อยู่ที่ระดับ 107.77 ขณะที่เอ็มพีไอไตรมาส 3 ของปี 2559 หดตัวอยู่ที่ 0.5% โดยอยู่ที่ระดับ 108.32 และเตรียมพิจารณาปรับลดคาดการณ์เอ็มพีไอ ปี 2559 อีกครั้งในรอบเดือน พ.ย.นี้
- รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า จะรายงานการดำเนินโครงการภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทย (แอ็กชั่นแพลน) พ.ศ. 2558-2565 ให้คณะรัฐมนตรีรับทราบในช่วงสัปดาห์หน้า โดยในปี 2560 มีวงเงินลงทุนในโครงการต่างๆ รวมกว่า 2 แสนล้านบาท
- ธปท.มองไตรมาส 3 เศรษฐกิจไทยดีกว่าคาดการณ์ไว้ เล็งปรับเป้าส่งออก หลังตัวเลขเป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่สอง พร้อมประเมินผลกระทบปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ กระทบนักท่องเที่ยวกว่า 2 แสนคน
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดุลเงินทุนเคลื่อนย้ายในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ ว่า มีเงินทุนไหลออกสุทธิ 8,923 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3.12 แสนล้านบาท หากคิดอัตราแลกเปลี่ยนในปัจจุบันที่ระดับ 35 บาท/เหรียญสหรัฐ แบ่งเป็นไตรมาสแรกไหลออกสุทธิ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาท ไตรมาส 2 ไหลออกสุทธิ 1,813 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 6.3 หมื่นล้านบาท และไตรมาส 3 ไหลออกสุทธิ 6,811 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.4 แสนล้านบาท
*หุ้นเด่นวันนี้
- CK (ไอร่า) เป้า 37.50 บาท ระดับ Backlog แข็งแกร่ง ทั้งจากงานใหม่ที่รับเข้ามาในช่วง 8M/59 มูลค่ารวม 24,145 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างรอลงนามอีก 1 โครงการ มูลค่าอีกราว 25,000 ล้านบาท ทำให้งานเพิ่มในปี 59 สูงถึง 49,000 ล้านบาท และคาดทำให้ระดับ Backlog สิ้นปี 59 ไม่ต่ำกว่า 90,000 ล้านบาท และยังมีแผนเข้าร่วมประมูลงานที่คาดทยอยออกมา 1H/60 มูลค่ารวมราว 370,000 ล้านบาท คาดได้เพิ่ม 20-25% หรือไม่ต่ำกว่า 75,000 ล้านบาท ทำให้ Backlog ยังโตเด่น ล่าสุดร่วมประมูลงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ศูนย์วัฒนธรรม – มีนบุรี) ทั้งหมด 6 สัญญา มูลค่ารวม 76,240 ล้านบาท โดย JV กับ STEC ทั้ง 6 สัญญา คาดประกาศ PQ ในวันที่ 1/12/59 และเปิดซองราคาในวันที่ 6/1/60
- BCH (ยูโอบี เคย์เฮียน) คาดรายงานกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น ทั้งปัจจัยฤดูกาล (หน้าฝน) และจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของ รพ.เก่า ขณะที่ WMC มีผลขาดทุนทีดีขึ้นจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่ปรับดีขึ้น และน่าจะกลับมามีกำไรในปี 2560 คาดการณ์กำไรโต 42.5% และ 24.0% YoY
- PTT (เคทีบีฯ) "ซื้อ"เป้า 380 บาท คาดรายงานกำไรสุทธิ Q3/59 แข็งแกร่ง ฟื้นตัวโดดเด่นจากฐานที่ต่ำในปีก่อน ธุรกิจก๊าซได้แรงหนุนต้นทุนลด ลูกค้าหลักกลับมาเดินเต็มกำลังการผลิต แนวโน้มกำไรดีต่อเนื่อง ด้านต้นทุนก๊าซปรับลดลงต่อช่วงปลายปี ลอยตัว NGV หนุนภาระขาดทุนธุรกิจดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เตรียมปรับประมาณการเพิ่ม ทั้งนี้ ธุรกิจก๊าซสดใส ธุรกิจอื่นอย่างปั๊มน้ำมันและถ่านหินเติบโตได้ตามสภาวะตลาด
- KBANK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 202 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันไม่แพง มี 2560PBV 1.2 เท่า คิดเป็นเพียง -1.5SD และสะท้อนความผิดหวัง NPL ที่พุ่งสูงใน Q3/59 ไปแล้ว แนวโน้ม NPL ratio น่าจะลดลงใน Q4/59 จากการ write off และสินเชื่อที่เพิ่ม โดยคาด NPL ratio ปีหน้าจะคงที่ที่ 3.3-3.4%
- ROBINS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 76 บาท คาดกำไรสุทธิ Q3/59 -16% Q-Q เพราะหน้าฝน แต่ +28% Y-Y จากการเปิดสาขาและเพิ่มสัดส่วนสินค้า House Brand ชดเชยเหตุระเบิดภาคใต้ได้ กำไรจะกลับมาสดใสตั้งแต่ Q4/59 ราคาหุ้น +35% YTD laggard ที่สุดกลุ่ม Modern trade ทำให้มี 2560PE 20 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มที่อยู่ที่ 28-30 เท่า น่าสนใจที่สุดในเชิง Valuations