(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้ปรับลงตามตลาดภูมิภาค วิตกการเมืองสหรัฐ,รอดูผลประชุมเฟดคืนนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 2, 2016 09:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างปรับตัวลงกันทั่วหน้า อันเป็นผลจากความไม่แน่นอนทางการเมืองในสหรัฐฯ ซึ่งขณะนี้นักลงทุนมีความกังวลเล็กน้อยจากที่คะแนนความนิยมของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน ได้ไล่ตามนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต ขึ้นมากระชั้นชิด

นอกจากนี้ราคาน้ำมันก็ปรับตัวลงเล็กน้อยด้วยแต่ก็ไม่มีนัยมากนัก ซึ่งคงจะกำลังรอดูการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) ในวันที่ 30 พ.ย.นี้ และรอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในคืนวันนี้ด้วย ซึ่งตลาดฯก็คาดว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย

ส่วนปัจจัยในประเทศไม่มีนัยสำคัญ ก็ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,493 จุด ส่วนแนวต้าน 1,510 จุด

ประเด็นการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (1 พ.ย.59) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 18,037.10 จุด ร่วงลง 105.32 จุด (-0.58%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,153.58 จุด ลดลง 35.55 จุด (-0.69%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,111.72 จุด ลดลง 14.43 จุด (-0.68%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ ลดลง 204.40 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ ลดลง 6.71 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ ลดลง 201.01 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันเปิดวันนี้ ลดลง 42.47 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้เปิดวันนี้ ลดลง 11.98 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์เปิดวันนี้ ลดลง 14.56 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียเปิดวันนี้ ลดลง 1.12 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์เปิดวันนี้ ลดลง 33.12 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (1 พ.ย.59) 1,504.52 จุด เพิ่มขึ้น 8.80 จุด (+0.59%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,489.90 ล้านบาท เมื่อวันที่ 1 พ.ย.59
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (1 พ.ย.59) ปิดที่ 46.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 19 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (1 พ.ย.59) ที่ 8.93 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 35.03/05 ทรงตัว รอผลประชุม FOMC-Non Farm Payroll-เลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ
  • ครม.อนุมัติรถไฟทางคู่ 3 เส้นทางที่เหลือในเฟสแรกระยะทางรวม 403 กม. วงเงินกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เข็นเปิดประมูลในปลายปี 59 พร้อมขันน็อต ร.ฟ.ท. เร่งประมูลช่วงประจวบฯ-ชุมพร วงเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท หลังถูกติงล็อกสเปกทีโออาร์ "อาคม" เตรียมชงรถไฟทางคู่เฟส 2 อีก 7 สาย ระยะทาง 1,493 กม. ลุยประมูลต่อปี 60 หวังปี 63-64 มีโครงข่ายทางคู่สมบูรณ์สุดในอาเซียน
  • "ชาญวิทย์ นาคบุรี" รองผู้อำนวยการและโฆษกสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2560 จะมีการพิจารณาอนุมัติโครงการให้เอกชนร่วมลงทุน ในกิจการของรัฐ หรือ พีพีพี จำนวน 7 โครงการ ซึ่งมีมูลค่ากว่า 7 แสนล้านบาท
  • "แบงก์ชาติ"เล็งปรับวิธีกำหนดอัตรา อ้างอิงเงินบาทใหม่ โดยใช้ข้อมูลจากธุรกรรมที่เกิดขึ้นจริง ชี้เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ ลดโอกาสบิดเบือนราคา เริ่มไตรมาส 2 ปีหน้า พร้อมไฟเขียว "ไพรมารี ดีลเลอร์" เลิกสัญญาบอนด์ในตลาดรีโป้ได้ก่อนครบกำหนด หวังเพิ่มความคล่องตัวบริหารสภาพคล่อง
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ว่าปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้า และอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 สะท้อนความไม่เชื่อมั่นของภาคธุรกิจ โดยดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจปรับลดลงจากระดับ 50.3 มาอยู่ที่ระดับ 49.2 ตามความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคบริการ ที่เห็นว่าองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ การผลิต และผลประกอบการปรับลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยเฉพาะผู้ประกอบการในกลุ่มที่พัก โรงแรม และร้านอาหาร
  • สศค.เผยเศรษฐกิจภูมิภาคเดือน ก.ย.และไตรมาส 3/2559 ขยายตัวดีต่อเนื่อง นำโดยภาคตะวันออกและภาคใต้ ตามแรงขับเคลื่อนของการบริโภคสินค้าและบริการ รายได้จาก นักท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ดีเกือบทุกภูมิภาค ชี้สัญญาณยังดีขยายตัวต่อเนื่องแต่แบบค่อยเป็นค่อยไป

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BANPU (โกลเบล็ก) "ซื้อ"เป้า 21.75 บาท คาดกำไร Q3/59 ราว 300 ล้านบาท (+15%QoQ และ +549%YoY) จากราคาถ่านหินในไตรมาส 3 ปรับขึ้น 39% คาดธุรกิจโรงไฟฟ้าผลประกอบการทรงตัวทั้งโรงไฟฟ้า BLCP และโรงไฟฟ้าหงสา โดยโรงไฟฟ้าหงสายังใช้อัตรากำลังการผลิตที่ 60-70% เนื่องจากเครื่องกำเนิดไฟฟ้าเฟส 1 ยังมีการซ่อมแซม และยังมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการใน Q4/59 และปี 60 เนื่องจากบริษัทกำลังจะตกลงราคาขายถ่านหินในปีหน้าซึ่งราคาปรับตัวขึ้น 40-50% จากปี 59 (ล่าสุดเหมืองถ่านหินในออสเตรเลียตกลงขายถ่านหินปี 60 ที่ราคา 94$/Ton กับโรงไฟฟ้าในญี่ปุ่น) ขณะที่คาดต้นทุนการผลิตจะปรับขึ้น 15-20% จากการขุดถ่านหินในพื้นที่ลึกขึ้นทำให้อัตราส่วนดินต่อแร่ (stripping ratio) เพิ่มจาก 8:1 เป็น 10:1
  • SCB (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้าปีหน้า 174 บาท ROE (14%) ที่สูงกว่ากลุ่ม NPL Ratio และ Coverage ratio ที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่ม และ Dividend yield สูง 3.8% แล้ว หากศาลล้มละลายกลางอนุมัติแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI (SCB มีมูลหนี้ 1.1 หมื่นล้านบาทและจัดชั้นเป็น NPL แล้ว) ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ มีโอกาสที่ SCB อาจกลับรายการสำรองเป็นกำไร แต่เชื่อว่า SCB น่าจะย้ายสำรองฯของ SSI ไปเป็นสำรองส่วนเกิน เพื่อลด NPL ให้เหลือต่ำกว่า 2.5% เพิ่ม Coverage ratio เป็น 150% และลดภาระการตั้งสำรองในปี 2560
  • SYNTEC (เออีซี) "ซื้อ"เป้า 4.80 บาท ช่วง Q3/59 คาดกำไรโต 28.8%QoQ จากรายได้โตดีและคุมค่าใช้จ่ายได้มีประสิทธิภาพ อีกทั้งคาดมีโอนกลับค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญราว 74 ล้านบาท ทั้งนี้ด้วยการบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น ทำให้มาร์จิ้นมีแนวโน้มดีกว่าคาด จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปกติปี 59-60 โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดปีนี้กำไรปกติโต 78%YoY ก่อนลดลง 20.6%YoY ในปี 60 จากมาร์จิ้นที่สูงปีก่อน อีกทั้งยังมี Upside 18%

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ