TRU เชื่อรายได้-กำไรปี 60 ดีกว่าปีนี้และปี 58,รุกทำโซลาร์รูฟ-เล็งโอกาสร่วมมือพันธมิตรทำพลังงานทดแทน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 2, 2016 12:27 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ (TRU) คาดว่ารายได้และกำไรในปี 60 จะดีกว่าปีนี้และปีที่ผ่านมา ตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโต ขณะที่วางแผนทำโครงการโซลาร์รูฟท็อปขนาด 1 เมกะวัตต์บนหลังคาโรงงานวังช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าราว 5 ล้านบาท/ปีและศึกษาการขายไฟฟ้าส่วนที่เหลือให้กับภาครัฐ พร้อมมองหาโอกาสร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนทุกประเภท หลังได้รับการชักชวนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้เพิ่มเติมวัตถุประสงค์ของบริษัท เปิดทางลงทุนธุรกิจใหม่ในอนาคต รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ตลอดจนรับเหมาโครงการพลังงานทดแทน และอื่นๆ นั้น ซึ่งเบื้องต้นบริษัทมีแผนจะลงทุนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาโรงงาน (โซลาร์รูฟท็อป) ในกรุงเทพมหานคร

นายสมพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการพิจารณาคัดเลือกผู้รับเหมาดำเนินโครงการดังกล่าว คาดว่าจะสามารถสรุปได้ภายในปีนี้ และน่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ใน 3-4 เดือน โดยตั้งงบลงทุนไว้ราว 60-70 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และน่าจะช่วยประหยัดค่าไฟฟ้าในโรงงานได้ 5 ล้านบาท/ปี

ขณะเดียวกันภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรม ดำเนินการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา เพื่อประหยัดค่าไฟฟ้า ซึ่งบริษัทได้ศึกษาข้อมูลและเห็นว่ามีความคุ้มค่าแก่การลงทุน จากได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่ให้สิทธิทางภาษีครึ่งหนึ่งของเงินลงทุน โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถคืนทุนได้ภายใน 6-7 ปี

นอกจากนี้ยังมองโอกาสที่จะจำหน่ายไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปในอนาคตด้วย เนื่องจากในระยะเวลานอกกระบวนการผลิตที่ไม่ได้มีการใช้ไฟฟ้า ก็จะมีปริมาณไฟฟ้าเหลือ น่าจะสามารถนำออกไปจำหน่ายให้แก่หน่วยงานภาครัฐได้

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองโอกาสการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยจะเข้าร่วมลงทุนกับบริษัทอื่นที่ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันก็มีบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศเข้ามาชักชวนให้เข้าร่วมลงทุนอย่างต่อเนื่อง จากการที่บริษัทมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง แต่อย่างไรก็ตามก็ยังไม่ได้มีการเจรจาอย่างละเอียด เป็นเพียงการมองถึงโอกาสเท่านั้น

นายสมพงษ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 59 ยอมรับว่ารายได้น่าจะลดลงกว่าเป้าหมายที่เคยตั้งไว้ที่ 2,400 ล้านบาท และกำไรสุทธิก็น่าจะลดลงตามรายได้ รวมถึงก็น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนด้วย โดยในปี 58 บริษัทมีรายได้ 2,208.57 ล้านบาท กำไรสุทธิ 145.14 ล้านบาท ขณะที่ครึ่งแรกของปีนี้มีรายได้ 914.05 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 28.37 ล้านบาท เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัวต่อเนื่องส่งผลกระทบต่อยอดขายรถกระบะ ประกอบกับ ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงกระทบกับการส่งออก โดยเฉพาะในตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดหลักของบริษัท

"ปีนี้เรามองว่ายอดขายของเราน่าจะ drop กว่าปีก่อน และกำไรสุทธิก็น่าจะเป็นไปตามรายได้ จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ตลาดในประเทศไม่โตอย่างที่คิด ส่งผลกระทบต่อสินค้า รวมถึงราคาน้ำมันที่ลดลงก็ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออก แต่เชื่อว่าปีหน้าแนวโน้มเศรษฐกิจต่าง ๆ ก็น่าจะดีขึ้น จากภาครัฐที่มีการลงทุนอย่างเห็นได้ชัด"นายสมพงษ์ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ส่วนผลการดำเนินงานในแนวโน้มปี 60 บริษัทมองว่าเศรษฐกิจก็น่าจะมีการฟื้นตัวได้ดีขึ้น จากปัจจัยภายในประเทศที่เริ่มมีความชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของการลงทุนโครงการสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งสินค้าที่น่าจะได้รับการตอบรับที่ดี คือ รถปิกอัพและรถบรรทุก เป็นต้น ขณะเดียวกันราคาน้ำมันน่าจะอยู่ในทิศทางขาขึ้น และน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออก โดยบริษัทก็อยู่ระหว่างการผลิตสินค้าประเภทเครื่องจักรรถขุดตัก รถแทรคเตอร์ เพื่อเตรียมรองรับตลาดส่งออกไปยังประเทศแถบยุโรป ทำให้ยอดขายน่าจะมีแนวโน้มดีขึ้น

ขณะที่รถยนต์ Thairung Transformer ก็มีทิศทางที่ดีขึ้น โดยบริษัทได้รับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบสินค้าในปีนี้ได้ราว 40 คัน และในปีหน้าภายในครึ่งแรกของปี 60 อีก 100 คัน ก็น่าจะส่งผลดีต่อตัวผลการดำเนินงานโดยรวมให้ปรับตัวดีขึ้นกว่าปี 58 และ 59


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ