โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
เคทีบี (ประเทศไทย) ซื้อ 2.90
เอเซีย พลัส ซื้อ 2.92
ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซื้อ 2.85
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า AJD ยังคงมีทิศทางที่สดใสในอนาคต จากการคาดการณ์ว่าภาครัฐจะออกมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนผ่านหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ในลักษณะการให้เงินกู้ หรือให้เงินเปล่า รวมถึงการอนุมัติขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำปี 60 เพิ่มจากเดิม 300 บาท/วัน เป็น 305-310 บาท/วัน ทำให้ภาคครัวเรือนมีการจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น และทำให้ AJD มีโอกาสที่จะบรรลุเป้าปริมาณตู้ขายสะสม 50,000 ตู้ในปีนี้ได้ ส่งผลทำให้ผลประกอบการไตรมาส 3/59 ถึงไตรมาส 4/59 เติบโตอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ได้ประเมินกำไรสุทธิของ AJD ทั้งปีนี้แบบ conservative อิงการจำหน่ายตู้ทั้งปีที่ 45,000 ตู้ไว้ที่ 433.6 ล้านบาท แต่หาก AJD สามารถจำหน่ายตู้ทั้งปีได้ 50,000 ตู้ กำไรสุทธิทั้งปีจะอยู่ที่ 488.8 ล้านบาท ปรับตัวขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรสุทธิแค่เพียง 6.4 ล้านบาท
สำหรับกรณีที่ Alibaba.com ร่วมมือกับ บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) เพื่อดึงเอสเอ็มอีไทยเข้าสู่ตลาดอีคอมเมิร์ซผ่านการใช้งานแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซแบบ B2B ของทาง Alibaba.com ซึ่งเป็นธุรกิจเดียวกับ AJD นั้น แม้ว่าประเด็นดังกล่าวเป็นลบต่อ AJD แต่ไม่มาก เนื่องจากประมาณการกำไรสุทธิของธุรกิจการหาพันธมิตรให้ Alibaba มีสัดส่วนเพียง 6% ของกำไรสุทธิรวมในปี 60 และ 9% ในปี 61
"ยังคงมีมุมมองในเชิงบวกต่อผลประกอบการในปีนี้ โดยคงคำแนะนำซื้อ ที่ราคาพื้นฐาน 2.90 บาท มองมาตรการภาครัฐช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย จะส่งผลบวกต่อ AJD จากตู้เติมเงิน “AJ เติมสบาย" ธุรกิจใหม่ AJD มีกลุ่มรากหญ้าเป็นฐานลูกค้าหลัก ซึ่งมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยในเขตภูมิภาค ,การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ จะส่งผลให้คนกลุ่มนี้ใช้งานตู้เติมเงินมากขึ้น และน่าจะส่งผลให้สามารถบรรลุเป้าการจำหน่ายตู้เติมเงินที่ 5 หมื่นตู้ในปีนี้ และจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานต่อจากนี้สดใส"นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ของเคทีบีฯ กล่าว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนธุรกิจที่รวดเร็วของ AJD ทำให้คาดว่าจะเห็นผลกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในอีก 2-3 ปีนับจากนี้ ระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะมี PBV ที่สูง แต่มีแนวโน้มลดลงหลังจากนี้ และน่าจะอยู่ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ การลดบทบาทธุรกิจเดิมที่มีกำไรน้อย และก้าวมาสู่ธุรกิจขายและบริการตู้เติมเงิน "AJ เติมสบาย" ซึ่งตลาดมีโอกาสเติบโตมากจากพฤติกรรมผู้บริโภค ในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบาย และด้วยจุดแข็งที่มีทีมงาน พัฒนาระบบปฏิบัติงาน รองรับการขยายธุรกิจการชำระเงินออนไลน์ในอนาคต ควบคู่ไปกับการทำแผนตลาดเชิงรุก น่าจะทำให้ AJD ก้าวขึ้นมาอยู่เป็นลำดับ 2 จากปัจจุบันที่มีส่วนแบ่งตลาด 10% เป็นอันดับ 3 ของประเทศ รองจากบมจ.ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส (FSMART) และบมจ.ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER)
ส่วนผลประกอบการของ AJD ในปีนี้คาดว่าจะมีกำไรสูงถึง 465 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 24% ในปี 60-61 จากการเติบโตของยอดขายตู้เติมเงินที่น่าจะยังเป็นอัตราเร่งในอีก 2 ปีข้างหน้า ขณะที่กำหนดให้ธุรกิจเดิมมีรายได้คงที่ แต่อัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากการบริหารจัดการด้านต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งจากการขายตู้เติมเงินเน้นการขายผ่อนนาน 5 ปี (เหมือน SINGER) ทำให้ต้องลงทุนในลูกหนี้เพิ่มขึ้นมาก และจะต้องกู้ยืมเพิ่มเติมในระยะปีแรก ๆ ของการทำธุรกิจเช่าซื้อตู้เติมเงิน
แต่หากพิจารณา Gear Ratio นับว่าต่ำมากเพียง 0.4 เท่า ทำให้สามารถกู้ยืมได้เพิ่มขึ้นรองรับธุรกิจได้อย่างไม่มีปัญหา และเชื่อว่าจะยังคงรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีดอกเบี้ยต่อทุนระดับต่ำกว่า 1 เท่าได้ในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า AJD วางแผนบุกตลาดตู้เติมเงินออนไลน์อย่างต่อเนื่อง โดยเดือนก.ค.59 มียอดขายตู้เติมเงิน "AJ เติมสบาย" พุ่งสู่ 20,000 ตู้ ครองส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 3 รองจาก "บุญเติม" ของ FSMART และ "ซิงเกอร์" ของ SINGER ซึ่งบริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 59 อยู่ที่ 50,000 ตู้ และในอนาคตจะพิจารณาขยายตลาดไปยังประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ด้วย
AJD ยังได้ตกลงร่วมมือกับ Alibaba เป็นตัวแทนผู้ให้บริการสมัครสมาชิก (Reseller) ซึ่งตั้งเป้ายอดสมาชิกในปีนี้อยู่ที่ 5,000 ราย หรือยอดขายรวม 250 ล้านบาท ขณะเดียวกันธุรกิจหลัก คือ เครื่องใช้ไฟฟ้าก็ยังได้รับอานิสงส์อากาศที่ร้อนเป็นพิเศษในปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายแอร์เคลื่อนที่ปรับตัวดีขึ้น
ทั้งนี้ คาดผลประกอบการของ AJD จะ Turnaround ในปี 59 จากปีก่อนปรับตัวลงลดเหลือเพียง 6.38 ล้านบาท เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่มีซบเซา แต่ด้วยธุรกิจตู้เติมเงินออนไลน์ "AJ เติมสบาย" ที่เปิดตัวไปในไตรมาส 4/58 ส่งให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/59 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 79.04 ล้านบาท สูงกว่าทั้งปี 58 และในไตรมาส 2/59 กำไรยังโดดเด่นต่อที่ 126.59 ล้านบาททำให้กำไรสุทธิในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 205.63 ล้านบาท เทียบกับ 17.29 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นหุ้น turnaround ที่ชัดเจน
การบุกตลาดตู้เติมเงิน เติมสบาย และการเป็น Reseller ให้บริการสมัครสมาชิกของ Alibaba จะส่งผลดีต่อกำไรในครึ่งปีหลังนี้ ขณะที่จะเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นและเป็น driver ของผลประกอบการของ AJD ในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยประมาณการการขยายตัวของกำไรในอัตราสูงที่ 28.5% ต่อปี ช่วงปี 59-61 ภายใต้รายได้รวมที่เติบโต 26% ต่อปีในช่วงเวลาเดียวกันคาดรายได้รวมและกำไรสุทธิของปี 60 จะอยู่ที่ 3,903.47 ล้านบาท และ 581.18 ล้านบาท เติบโต 42.3% และ 43.5% จากปีนี้ ตามลำดับ